vogue food guide
LIFESTYLE

#VogueFoodGuide พารู้จักกับ 'ชาเขียว' กันแบบเจาะลึกทุกความเข้มข้น

ใครชื่นชอบชาเขียวต้องไม่พลาดกับบทความนี้

     หนึ่งในเครื่องดื่มยอดฮิตเราคงต้องพูดถึง “ชาเขียว” เมนูที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดดเด่นด้วยรสชาติเข้มข้น สดชื่น และหอมกรุ่น อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆ ด้าน แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าชาเขียวนั้นมีทั้งหมดกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีจุดแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้ #VogueFoodGuide จะพาแฟนๆ และเหล่าคนรักเครื่องดื่มไปทำความรู้จักกันแบบเจาะลึก

 

     โดยปกติแล้วชาเขียวนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ระดับตามคุณภาพ โดยระดับแรกคือชาเขียวคุณภาพสูง ซึ่งเป็นชาเขียวที่มีรสชาติเข้มข้น มีกลิ่นหอมของธรรมชาติ มักนำใบชายอดอ่อนและสดใหม่ ที่ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิมาอบแห้งและบดเป็นผง ประกอบไปด้วย

  • ชาเขียวมัตฉะ (Matcha) ชาเขียวประเภทนี้จัดเป็นชาเขียวที่มีคุณภาพลำดับต้นๆ มักนำใบชามาบดให้เป็นผงละเอียด นิยมใช้ดื่มในพิธีชงชาญี่ปุ่น มีรสชาติเข้มข้น หอมกรุ่น และมีกลิ่นอายของธรรมชาติ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและคาเทชินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ชาเขียวอุจิ (Uji tea) เป็นชาเขียวที่ปลูกในเขตอุจิ จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ชาเขียวประเภทนี้มาพร้อมกับรสชาติเข้มข้น และกลิ่นหอมอ่อนๆ ตามกลิ่นดั้งเดิมในธรรมชาติ สามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก เช่น ชาเขียวอุจิชิบุอิ (Shibukuro) ที่มีรสชาติเข้มข้น และชาเขียวอุจิเกียวคุโระ (Gyokuro) ที่มีรสชาตินุ่มนวล
  • ชาเขียวเกียวคุโระ (Gyokuro) เป็นชาเขียวที่ปลูกในพื้นที่ร่ม เก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ใบชามีสีเขียวสด มาพร้อมกับรสชาตินุ่มนวลและกลิ่นหอมเฉพาะตัว 

 

ภาพจาก Jia Ye บน Unsplash

     ต่อกันที่ชาเขียวคุณภาพกลาง เป็นชาเขียวที่มีจุดเด่นเรื่องรสชาติที่อ่อนกว่าชาเขียวคุณภาพสูง นิยมใช้ใบชาที่แก่กว่าและเก็บเกี่ยวในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิหรือปลายฤดูใบไม้ผลิ ถึงแม้รสชาติจะไม่เข้มข้นเท่ากับประเภทแรก แต่ยังคงเป็นชาเขียวเกรดยอดนิยมเช่นกัน ประกอบด้วย

  • ชาเขียวเซ็นฉะ (Sencha) ชาเขียวที่นิยมปลูกกลางแจ้ง มีจุดเด่นที่สีใบชาค่อนข้างเข้ม และมีรสชาติที่เข้มข้นเช่นกัน ในเรื่องของกลิ่นหอมอาจจะไม่เท่ากับใบชาเกรดอื่นสูงที่มีความหอมตามธรรมชาติเฉพาะตัว แต่ยังคงนิยมใช้ดื่มเช่นกัน
  • ชาเขียวบันฉะ (Bancha) ชาเขียวอีกประเภทที่มักปลูกกลางแจ้ง ใบชาจะมีสีเขียวอ่อน และรสชาติมีความอ่อนไม่เข้มข้น อาจเป็นใบชาที่เหมาะกับคนชื่นชอบชารสชาติอ่อนๆ 

 



WATCH




ภาพจาก Tang Don บน Unsplash

     ปิดท้ายด้วยชาเขียวคุณภาพทั่วไปซึ่งเป็นชาเขียวที่มักมีรสชาติอ่อนที่สุด ใช้ใบชาที่มีความแก่ที่สุดในการบดและชง นิยมเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงฤดูร้อน ถึงแม้จะไม่มีความเข้มข้นหรือกลิ่นที่หอมมากนัก แต่ยังเป็นชาเขียวยอดนิยมและอุดมไปด้วยสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบไปด้วย

  • ชาเขียวโฮจิฉะ (Hojicha) ชาเขียวใบแก่ที่ถูกอบใบชาจนมีสีน้ำตาลเข้ม ด้วยการอบที่พิถีพิถันทำให้ใบชามีกลิ่นคั่วอ่อนๆ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่หาจากใบชาเกรดอื่นไม่ได้ 
  • ชาเขียวเก็นไมฉะ (Genmaicha) ชาเขียวที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เพราะไม่เพียงจะใช้ใบชากลิ่นอ่อนๆ แต่ยังเป็นชาเขียวที่ผสมข้าวคั่วลงไปทำให้มีกลิ่นหอมคั่วอ่อนๆ ไม่เหมือนใคร

     นอกจากรสชาติและคุณภาพของชาเขียวจะมีความแตกต่างกันแล้ว กรรมวิธีในการชง คุณภาพน้ำตลอดจนอุณหภูมิน้ำยังส่งผลต่อรสชาติเช่นกัน เพราะหากชงแบบผิดวิธีอาจทำให้ชาเขียวมีรสชาติที่ขมหรือผิดเพี้ยนไปจากเดิม

 

 

     ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อุดมไปด้วยสารแอนตี้อ็อกซิแดนซ์และคาเทชิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ นอกจากนี้ ชาเขียวยังมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน และช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย อย่างไรก็ตามชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนดังนั้นควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ

 

เรื่อง : Worramate Khamngeon
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH

คีย์เวิร์ด: #VogueFoodGuide #Matcha