LIFESTYLE

#VogueFoodGuide กระโดดขึ้นรถไฟขบวนพิเศษพร้อมชิมอาหารจากทั่วฝรั่งเศสที่ Underhound Café

#VogueFoodGuide พาแฟนๆ ไปลิ้มลองอาหารสัญชาติฝรั่งเศสที่ผสมผสานความเป็นไทยไว้อย่างลงตัว พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัยในแบบฉบับฝรั่งเศสที่ Underhound Café

     หากจะพูดถึงเรื่องราวของอาหาร เราคงต้องยกให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นอีกหนึ่งประเทศที่วัฒนธรรมของอาหารนั้นเจริญเติบโตและน่าประทับใจไม่น้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรังสรรค์ในเมนูท้องถิ่นซึ่งแฝงไปด้วยความออริจินัลที่ใครหลายคนต่างชื่นชอบ ไปจนถึงเมนูฟิวชั่นที่นำเอารสชาติแบบดั้งเดิมมาประยุกต์ให้มีความแปลกใหม่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการเป็นสัญชาติอาหารที่ถูกนำมาดัดแปลงและสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ในครั้งนี้ #VogueFoodGuide จึงขออาสาพาแฟนๆ และเหล่าคนรักอาหารไปลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสประยุกต์ ณ ร้าน ‘Underhound Café’ ร้านอาหารในเครือของ Greyhound Café ที่เราต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละเมนูรับรองได้ว่าถูกปากคนไทยหลายคนอย่างแน่นอน

     เราคงต้องเล่ากันก่อนว่าร้าน Underhound Café นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารน้องใหม่ในเครือของ Greyhound Café แต่ในขณะเดียวกันร้านอันเดอร์ฮาวนด์คาเฟ่กลับถ่ายทอดตัวตนของตัวเองได้อย่างเด่นชัดไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอาหารที่พร้อมเสิร์ฟในรูปแบบ “French Brasserie” ที่จะพาทุกคนไปลิ้มลองรสชาติของอาหารจานเด่นจากทั่วประเทศฝรั่งเศส ท่ามกลางบรรยากาศที่ให้กลิ่นอายของงานศิลปะและวิถีชีวิตในแบบฉบับของชาวฝรั่งเศสไม่ว่าจะเป็นตกแต่งภายในร้านที่สะท้อนภาพถึงรถไฟฟ้าใต้ดินที่เดินทางไปทั่วประเทศฝรั่งเศส ผสานเข้ากับโทนสีที่มีความโมเดิร์น ตัดด้วยความแกลมของสีทองและความคลาสสิกของสีน้ำตาล สอดประสานไปกับงานบริการที่ใส่ใจและพิถีพิถัน จนเกิดเป็นความสุนทรีย์ในมื้ออาหารแสนพิเศษนี้



WATCH




    อย่างที่โว้กได้กล่าวไปข้างต้นว่าร้านอันเดอร์ฮาวนด์คาเฟ่นั้นได้รวบรวมเมนูอาหารจานเด่นจากแคว้นต่างๆ ในประเทศฝรั่งเศสมาผสมผสานและดัดแปลงให้เข้ากับรสชาติของคนไทย จนเกิดเป็นเมนูที่น่าสนใจ เริ่มต้นที่เมนูแรกกับเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง  “Choux Cream Set” อาหารที่มีจุดกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส โดยปกติแล้วเนื้อแป้งของชูครีมจะมีความกรุบกรอบและนุ่มด้านในเพื่อให้สอดไส้ครีมเข้าไปได้ แต่ความพิเศษของชูครีมเซ็ตที่ร้านอันเดอร์ฮาวนด์นั้น คงต้องยกให้ผิวสัมผัสด้านบนที่โรยด้วยแป้งคุกกี้ก่อนนำเข้าอบ ทำให้แป้งชูครีมนั้นมีความกรุบกรอบมากยิ่งขึ้น ผสานไปกับรสชาติอันเข้มข้นของไส้ด้านในที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น Tahitian Vanilla Choux Cream ชูครีมไส้วานิลลาที่หอมหวานกำลังดี หรือจะเป็น Golden Choux Cream ที่ด้านบนแปะด้วยทานคัดฟู้ดเกรดและด้านในอัดแน่นด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงและรสชาติอันกลมกล่อมเอาไว้ด้วยกัน ก่อนจะปิดท้ายด้วย Truffle Choux Cream ที่มีความโดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลในซุปครีม รับประทานคู่กับเกลือชมพูให้รสชาติกลมกล่อมลงตัวและเป็นเอกลักษณ์

Lobster Bisque in Puff Pastry

     ถัดมากับเมนูที่ 2 เมนูที่เรียกได้ว่าอัดแน่นไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมของกุ้งล็อบสเตอร์ไว้แบบเต็มขั้นกับ “Lobster Bisque in Puff Pastry” ซุปครีมล็อบสเตอร์เข้มข้นที่เชฟประจำร้านใช้เวลาในการเคี่ยวนานมากถึง 3 ชั่วโมง จนได้เนื้อสัมผัสของซุปครีมที่มีความเนียนนุ่ม หอมกลิ่นล็อบสเตอร์ ทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นสมุนไพรต่างๆ เนื้อของกุ้งล็อบสเตอร์ยังคงให้ความฉ่ำเด้ง และสุกกำลังดี เสิร์ฟในถ้วยที่คลุมด้วยแป้งพัพฟ์ก่อนนำเข้าอบจนเกิดเป็นเลเยอร์ที่สวยงาม เมื่อรับประทานคู่กันในหนึ่งคำให้ผิวสัมผัสที่น่าสนใจ ทั้งความกรุบกรอบของผิวแป้งด้านนอก และความนุ่มหนึบของแป้งด้านในที่อัดแน่นไปด้วยซุปครีมในทุกอณู กลายเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีความน่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลิ้มลอง

Salmon Confit with Herbal Cream

        นอกจากกุ้งล็อบสเตอร์ที่มีความโดดเด่นแล้ว จานถัดมายังเป็นอีกหนึ่งเมนูหลักที่น่าสนใจกับ “Salmon Confit with Herbal Cream” แซลมอนชิ้นหนาที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงสุกในแบบฉบับของชาวฝรั่งเศสอย่าง “Confit (กงฟี)” การทำอาหารให้สุกด้วยน้ำมันในอุณหภูมิที่ต่ำ ทำให้เนื้อสัมผัสนั้นมีความชุ่มฉ่ำกำลังดี ทั้งยังเป็นวิธีปรุงอาหารที่รักษาสารอาหารได้เป็นอย่างดี ความพิเศษของจานี้ไม่เพียงเนื้อแซลมอนจะมีความสุกในระดับที่พอดีแล้ว แต่รสชาติของจานนี้ยังเรียกได้ว่ากลมกล่อมเป็นอย่างมาก ด้วยซุปครีมเข้มข้นที่เคี่ยวพร้อมกับสมุนไพรทำให้มีกลิ่นที่หอมโดดเด่น รับประทานคู่กับเห็ดป่าผัดและหน่อไม้ฝรั่งที่ส่งกลิ่นหอม พร้อมท็อปด้วยไข่ปลาอิกุระ ที่ช่วยให้ผิวสัมผัสในหนึ่งคำมีความละมุนลิ้นและครบรสเป็นอย่างมาก

Sparkling Wine Jelly with Mixed Berries

     จบจากเมนูจานหลักแล้วมาต่อกันที่เมนูที่พร้อมมอบความสดชื่นหลังรับประทานอย่าง “Sparkling Wine Jelly with Mixed Berries” จานขนมหวานที่หยิบเอาสปาร์กกลิ้งไวน์มาเป็นวัตถุดิบในการรังสรรค์ ด้วยรสชาติอันโดดเด่นของสปาร์กกลิ้งไวน์อันขึ้นชื่อของฝรั่งเศส มาเสิร์ฟในรูปแบบเจลลี่สีเหลืองอ่อน ที่มีกลิ่นหอมสดชื่น เมื่อรับประทานเข้ากับผลไม้เครื่องเคียงอย่าง สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ ช่วยกระตุ้นรสชาติของขนมหวานจานนี้ได้ดีมากยิ่ง

     ไม่เพียงแต่อาหารทั้ง 4 จานนี้จะเต็มไปด้วยความน่าสนใจเท่านั้น ทว่าที่อันเดอร์ฮาวนด์คาเฟ่ยังมีเมนูอาหารสัญชาติฝรั่งเศสประยุกต์รอให้เราไปลิ้มลองกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมนูเครปซอสครีมซีฟู้ด เครปสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อนุ่มเสิร์ฟคู่กับซอสครีม เนื้อหอยเชลล์และปลาหมึก รับประทานคู่กับเซ็ตผักเสิร์ฟมาพร้อมกัน ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและแฝงไว้ด้วยความสดชื่นอย่างลงตัว หรือจะเป็นเมนูเป็ด Dry-Aged ที่เชฟใช้เวลาในการดรายเอจด์ถึงสองวัน เพื่อให้ได้เนื้อเป็ดที่ชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟในความสุกระดับมีเดียมแรร์ ทานคู่กับซอสส้มและผักเครื่องเคียงให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่สนใจสามารถไปลิ้มลองรสชาติอาหารฝรั่งเศสฟิวชั่นอีกมากมายได้ที่ร้าน Underhound Café ชั้น 1 สยามพารากอนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

WATCH

คีย์เวิร์ด: #VogueFoodGuide #UnderhoundCafe