LIFESTYLE

#VogueFoodGuide ดำดิ่งสู่ผืนมหาสมุทรพร้อมสัมผัสอาหารทะเลคุณภาพสูงจาก ‘Norwegian Seafood Council’

ดื่มด่ำไปกับเหล่าวัตถุดิบระดับพรีเมียมจากทะเลน้ำเย็นของประเทศนอร์เวย์การันตีคุณภาพด้วยรางวัล 'Bocuse d'Or Europe' พร้อมเสิร์ฟในเมนูสุดสร้างสรรค์ที่เสริมรสชาติของวัตถุดิบให้ดีมากยิ่งขึ้น!

     ถนนแห่งการเดินทางของอาหารคงเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา และยังเป็นอีกเส้นทางที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ตลอดจนการก่อกำเนิดของนวัตกรรมอาหารต่างๆ ให้เราได้สัมผัสเสมอ เช่นเดียวกับในครั้งนี้ที่โว้ก ประเทศไทยอาสาพาแฟนๆ และเหล่าคนรักอาหาร ร่วมกันดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึกพบกับเหล่าวัตถุดิบทางทะเลที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ พร้อมเสิร์ฟอาหารมื้อพิเศษให้กับคุณ การันตีคุณภาพผ่านสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (Norwegian Seafood Council: NSC)

     โดยการเดินทางในครั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ร่วมกับบริษัท จาโกต้า บราเดอร์ส เทรดดิ้ง พาคนรักอาหารไปพบกับ อาหารทะเลจำพวกเปลือก (Shellfish) วัตถุดิบพรีเมียมจากทะเลนอร์เวย์ นับได้ว่านี่คือการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งยังปักหมุดหมายของบรรดาวัตถุดิบไปที่ร้านอาหารระดับต้นของวงการ พร้อมเสิร์ฟทั้งเมนูประยุกต์ หรือเมนูโอมากาเสะให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ซึ่งในครั้งนี้โว้กได้มีโอกาสทดลองชิมเมนูสุดสร้างสรรค์พร้อมการันตีทั้งคุณภาพและรสชาติจากรางวัล “Bocuse D’or Europe” เวทีการแข่งขันด้านอาหารอันโด่งดังและเป็นที่รู้จักในแวดวงคนรักอาหารกันถ้วนหน้า



WATCH




เมนู "Brioche Bun"

     เริ่มต้นที่ “ปูแดงจักรพรรดิ” ปูที่ได้รับการขนานนามว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด โดดเด่นด้วยรสชาติเนื้อที่มีความชุ่มฉ่ำและหวานตามธรรมชาติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่ต้องใช้การเตรียมการอย่างพิถีพิถันมักนิยมนำมาทำอาหารหลากหลายเมนู ทั้งในรูปแบบอาหารจานร้อนและอาหารจานเย็น ซึ่งเดิมที่การจับปูแดงจักรพรรดินั้นชาวประมงพื้นบ้านของประเทศนอร์เวย์มักจะออกเรือขนาดเล็กไปจับ และมักจะเน้นคุณภาพของปูมากกว่าปริมาณที่จับได้ต่อวัน ทำให้ปูสายพันธุ์นี้จึงมีราคาสูงและเป็นวัตถุดิบที่อยู่ในระดับแรร์ไอเท็ม ซึ่งในครั้งนี้ปูจักรพรรดิแดงถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบ "Brioche Bun" เนื้อปูรสชาติหวานกำลังดี รับประทานคู่กับขนมปังบริยอร์ชบันเนื้อนุ่ม พร้อมด้วยซาวด์ครีมสูตรต้นตำรับจากนอร์เวย์และฮอร์สแรดิช ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนบริเวณด้านบน ให้รสชาติที่หวานกลมกล่อมและนุ่มละมุนลิ้น เพิ่มความสดชื่นและเสริมรสชาติของเนื้อปูให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

เมนู "East meets West"

     ถัดมากับอีกหนึ่งเมนูที่ผสานไว้ซึ่งวัฒนธรรมอาหารจากโลกตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยวัตถุดิบจากทะเลน้ำเย็นอย่าง “กุ้งกรีนแลนด์” กุ้งที่เติบโตในน้ำที่เย็นและสะอาด ด้วยอุณหภูมิที่ตอบโจทย์กับการดำรงชีวิตทำให้กุ้งสายพันธุ์นี้มีเนื้อที่สดและแน่น มาพร้อมกับรสชาติสดชื่นแฝงไปด้วยความหวาน เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ทั้งในรูปแบบอาหารจานร้อนและจานเย็น ตลอดจนอาหารนานาชาติ โดยครั้งนี้กุ้งกรีนแลนด์ได้ถูกนำมารังสรรค์ในเมนู East meet West” กุ้งกรีนแลนด์ที่มีเนื้อสีชมพูตามธรรมชาติ เสิร์ฟคู่กับมะเขือเทศสีเขียว น้ำส้มยูซุ ครีมอะโวคาโดและเสริมรสชาติด้วยส้มโอ ให้ความรู้สึกสดชื่นจากบรรดาวัตถุดิบที่สอดประสานกันได้อย่างลงตัว

เมนู "Royal"

     จานที่สามมาพร้อมกับวัตถุดิบสุดคุ้นตาอย่าง “กุ้งล็อบสเตอร์นอร์เวย์” หรือ “กุ้งลังกู้สตีน” กุ้งขนาดใหญ่เนื้อแน่นที่เหมาะกับเมนูอาหารหลากหลายชนิด โดดเด่นด้วยรสหวานอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น มาคู่กับเนื้อให้สัมผัสแน่นและสู้ฟันเมื่อเคี้ยว เป็นวัตถุดิบที่สามารถประยุกต์เข้ากับหลากหลายเมนูทั้งเมนูนานาชาติ และเมนูอาหารไทย ซึ่งในครั้งนี้กุ้งลังกู้สตีนถูกเสิร์ฟมาในอาหารสไตล์ไทยกับเมนู Royal” เสิร์ฟเนื้อกุ้งหวานฉ่ำคู่กับเครื่องเทศอย่างใบยี่หร่าฝรั่งและซอสเห็ดชิตาเกะในสไตล์นอร์เวย์ เมนูที่ถึงแม้จะดูเป็นอาหารตะวันตก ทว่ายังคงให้กลิ่นอายของความเป็นไทย และรสชาติที่คล้ายคลึงกับอาหารร่วมสมัยได้อย่างน่าสนใจ

     วัตถุดิบถัดมาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับ “หอยเชลล์แอตแลนติก” หอยเชลล์รสชาติหวาน อุดมไปด้วยโปรตีนที่อัดแน่นอยู่ในทุกคำ โดยหอยเชลล์สายพันธุ์นี้เติบโตในทะเลน้ำเย็นและมีความสะอาด ทั้งยังอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่น้ำขึ้นน้ำลงที่ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเนื้อหอย โดยนับเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะสามารถรังสรรค์เมนูและรับประทานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานแบบดิบ นึ่ง ทอด รวมถึงการทำอาหารแบบกราแตง (การนำไปอบกับชีส) ก็ให้รสชาติที่ดีเยี่ยมทั้ง เช่นเดียวกับในครั้งนี้ที่หอยเชลล์ถูกเสิร์ฟมาในเมนู “Bocuse d’Or” เมนูอาหารที่คว้ารางวัลการแข่นขันอาหารระดับโลกมาครอบครอง หอยเชลล์เนื้อแน่นเสิร์ฟคู่กับถั่วลันเตา ซอสซาบายอง บราวน์บัตเตอร์ และกลิ่นอะโรมาจากสมุนไพรต่างๆ มาพร้อมกับเปลือกหอยลวดลายสวยงามที่เสมือนเป็นจานอาหารตามธรรมชาติ ภาชนะที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่คู่ควรมากที่สุดในการเสิร์ฟ เมื่อรับประทานรู้สึกถึงความหอมของสมุนไพร ตามมาด้วยรสชาติอื่นๆ ขององค์ประกอบในจานที่เสริมความหวานตามธรรมชาติของตัวหอยให้มีความอร่อยมากยิ่งขึ้น

เมนู "Cha Plu"

     ปิดท้ายเซ็ตเมนูซิกเนเจอร์ในเทศกาลอาหารสุดพิเศษนี้ด้วย “ปูสีน้ำตาลนอร์เวย์” ปูท้องถิ่นที่สามารถพบได้ทั่วไปในประเทศนอร์เวย์ ถึงแม้จะเป็นวัตถุดิบที่หาทานได้ง่ายในประเทศ ทว่าเปลือกปูที่มีความแข็งและน้ำหนักตัวที่พอดีกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ทำให้ปูสายพันธุ์นี้มีเนื้อที่แน่นและโดดเด่นกว่าสายพันธุ์อื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณก้ามปูที่มีความเด้งของเนื้อมากเป็นพิเศษ ซึ่งรสชาติของปูสีน้ำตาลนอร์เวย์นี้เนื้อปูจะให้รสชาติที่หวาน มีลักษณะเป็นเส้นๆ ในขณะที่รสชาติของมันปูจะมีความเข้มข้นที่สะท้อนถึงภาพทะเลน้ำเย็นได้อย่างชัดเจน เสิร์ฟในเมนูที่รวบรวมไว้ซึ่งแรงบันดาลใจจากอาหารตะวันออกกับเมนู “Cha Plu” เนื้อปูสีขาวนวลเสิร์ฟคู่กับหัวหอมและสลัดตะไคร้ จัดวางลงบนใบชะพลูที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มอบรสชาติและผิวสัมผัสที่สดชื่นแต่ยังคงอัดแน่นด้วยเนื้อปูที่ให้รสชาติหวานกลมกล่อม นับเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชูเอกลักษณ์ของปูสายพันธุ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่ปิดท้ายช่วงเวลาแสนพิเศษนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

WATCH

คีย์เวิร์ด: #NorwegianSeafoodCouncil