กรุงเทพมหานครเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นในด้านวัฒนธรรมอาหาร สิ่งก่อสร้าง งานประติมากรรมต่างๆ รวมถึงสถานที่สำคัญและบรรยากาศจากผู้คนที่มีความเฉพาะตัว ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ที่ตกทอดมาตั้งแต่ในช่วงที่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศสยามอยู่ และในบทความนี้เราจะพาทุกคนย้อนเวลาไปชมภาพความคลาสสิกของกรุงเทพมหานคร ผ่านเลนส์สีขาวดำของช่างภาพชื่อดังอย่าง “Dmitri Kessel”

     ก่อนอื่นเราอาจต้องแวะทำความรู้จักกับเจ้าของภาพถ่ายเหล่านี้อย่าง Dmitri Kessel กันเสียก่อน โดยประวัติของเขาก็เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งดมิทรีเกิดและเติบโตในเขตปกครองโปโดเลียของรัสเซีย ซึ่งในช่วงวัยเยาว์ของเขาดมิทรีได้มีโอกาสลองใช้กล่องรุ่นคลาสสิกอย่าง Box Camera ในการเก็บภาพถ่ายและความทรงจำของเพื่อนๆ และครอบครัวเขา ตลอดจนภาพของโศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น แต่กล้องของเขาก็ถูกทำลายไปในที่สุด และหลังจากนั้นชีวิตของเขาก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นทหารในช่วงสงครามเป็นที่เรียบร้อย

 

     ภายหลังจากการลาออกจากการเป็นทหาร เขาก็ได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการฟอกหนัง รวมถึงอุตสาหกรรมเคมีต่างๆ แต่ชีวิตของดมิทรียังคงผกผันอยู่ไม่น้อย เพราะหลังจากที่เขาย้ายจากเมืองบ้านเกิด (ถูกเปลี่ยนเป็นยูเครนในปัจจุบัน) เข้าสู่ประเทศรัสเซีย ดมิทรีก็ถูกตามล่าโดยทหารจนต้องหนีไปยังประเทศโรมาเนีย และอพยพเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาในที่สุด

     หลังจากเรื่องราวอันแสนวุ่นวายได้จบลง ชีวิตของเขาในฐานะช่างภาพก็กำลังจะเริ่มเบ่งบานขึ้น โดยในช่วงแรกของการใช้ชีวิตในมหานครนิวยอร์กดมิทรีรับจ้างเป็นเด็กพาร์ตไทม์ให้กับโรงงานขนสัตว์ และยังได้เข้าเรียนคลาสต่างๆ รวมถึงเรียนถ่ายภาพอย่างเป็นจริงจังอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่เขาเรียนถ่ายภาพจบแล้วดมิทรีก็อาศัยประสบการณ์และคอนเน็กชั่นในการถ่ายรูปให้กับเจ้าของโรงงานต่างๆ จนกระทั่งได้ร่วมงานกับ Fortune นิตยสารชื่อดังจากเกาะอังกฤษ และต่อมาได้เข้าร่วมงานกับ Life Magazine และได้เริ่มเดินทางถ่ายภาพต่างๆ ไปทั่วโลกซึ่งกรุงเทพมหานครก็เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่เขาเลือกเดินทางมาในขณะนั้น

 

     ในปี ค.ศ. 1950 เป็นปีที่ดมิทรีเดินทางมาถึงประเทศไทย ซึ่งถือเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ภาพส่วนใหญ่ที่เค้าได้พบเห็นนั้นเป็นภาพชีวิตประจำวันของผู้คนเสียส่วนใหญ่ ตลอดจนภาพของความรุ่งเรืองที่กำลังแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันช่างสวนทางกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตจนทำให้บางครั้งเขาก็ได้พบเจอกับปัญหาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างเรื่องน้ำ อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย และแน่นอนว่าช่างภาพมืออาชีพอย่างเขาก็ไม่พลาดที่จะลั่นชัตเตอร์เพื่อเก็บบรรยากาศเหล่านั้นไว้

 

     นอกจากภาพของชีวิตประจำวันแล้วดมิทรียังได้เก็บบรรยากาศของเมือง ณ ขณะนั้นอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของศิลปะและวัฒนธรรมที่งอกเงยหลังสงคราม ตลอดจนภาพของฝูงคนที่รายล้อมชมการแสดงและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งภาพเหล่านี้ถือเป็นอีกภาพทางประวัติศาสตร์อันสำคัญของไทยที่ได้ตีพิมพ์ลงบนนิตยสารต่างประเทศอีกด้วย