อย่างที่เรารู้กันดีว่าหลายแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่โด่งดังและประสบความสำเร็จ ต่างก็มีสิ่งที่เหมือนกันคือ “มรดกและเรื่องราวของแบรนด์” ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้น แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ แม้กระทั่งตัวตนของดีไซเนอร์ที่ต่างก็ถูกจารึกลงบนดีเอ็นเอของแบรนด์มาตั้งเเต่อดีต เช่นเดียวกับในครั้งนี้ที่ผู้เขียนจะพาเหล่าคนสายแฟชั่นไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีความเป็นมายาวนานมากถึง 300 ปี

 

 

     “Fauré Le Page (โฟเร่ เลอ ปาจ)” จุดเริ่มต้นของเมซงนี้เราอาจพูดได้ว่ามีความดิบและความเท่เป็นเสน่ห์หลักที่น่าหลงใหล ย้อนไปในปี ค.ศ. 1717 ช่วงสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ช่างทำอาวุธอย่าง “Pierre Le Page” ได้เริ่มต้นเส้นทางของเขาบนโลกแฟชั่น เดิมทีเมซงถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแบรนด์สำหรับค้าอาวุธและอุปกรณ์ล่าสัตว์ให้กับเหล่าคนชั้นสูง ซึ่งความโดดเด่นคงต้องยกให้ความหรูหราและความประณีตที่แฝงไว้ในทุกดีเทลของการออกแบบ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 เมซงโฟเร่ได้เริ่มเล็งเห็นลู่ทางในการหารายได้ที่เพิ่มมากขึ้น จนได้เริ่มต้นขยายรูปแบบสินค้าให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหนังและเครื่องประดับต่างๆ ซึ่งในช่วงการขยายไลน์สินค้านี้ก็ได้ “François Fauré Le Page” ผู้รับช่วงต่อในรุ่นที่สองของเมซง

 

 

     เรื่องราวและกระแสนิยมของเมซงโฟเร่ยังคงดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2009 บริษัทแบรนด์แฟชั่นหรูหราระดับต้นๆ ของโลกอย่าง LVMH ก็ได้เข้าซื้อกิจการ ทั้งยังได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งภายใต้การนำทัพโดย Daphné Aboulker ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์รุ่นใหม่ผู้มากความสามารถ ซึ่งภายหลังการถูกฟื้นฟูคอลเล็กชั่นแรกของเมซงโดยดาฟเน่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยยังคงรักษามรดกของแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่เฉพาะตัว ความประณีต ความเรียบหรู นำมาผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมและมุมมองทางแฟชั่นสมัยใหม่ จนเกิดเป็นคอลเล็กชั่นกระเป๋าแสนประณีตที่ฝังไว้ด้วยดีเอ็นเอของแบรนด์กว่า 300 ปี เช่น ลายเกล็ดปลาและลายขนนก

 

 

     ปัจจุบัน Fauré Le Page ได้กลายมาเป็นหนึ่งในไอเท็มแฟชั่นที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก เเละมีคอลเล็กชั่นกระเป๋า เครื่องประดับให้เลือกช็อปกันอย่างจุใจ ทั้งยังยกระดับภาพลักษณ์ของเมซงให้ดูทันสมัย น่าหลงใหล เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงมีบูติกก่อตั้งขึ้นทั่วโลกสำหรับสาวกที่ต้องการเลือกไอเท็มต่างๆ มาครอบครองไว้