Step1 บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น

     การเตรียมงานผิวถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผิวออกมาสวยและดูสุขภาพดีขึ้น ดังนั้นก่อนแต่งหน้าทุกครั้งควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ เพื่อให้การแต่งหน้าติดทน ไม่ทิ้งคราบระหว่างวัน ที่สำคัญยังช่วยให้เมกอัพที่ลงไปบนผิวหน้าเกลี่ยได้ง่ายมากขึ้นและติดทนยาวนานอีกด้วย

Step2 ทาไพรเมอร์ช่วยล็อกเมกอัพ

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวมัน แต่งหน้าและหลุดลอกระหว่างวันหรือมีปัญหาแต่งหน้าไม่ติด รูขุมขนกว้าง แนะนำให้ใช้ไพรเมอร์เป็นตัวช่วย เพราะไพรเมอร์มีคุณสมบัติที่ช่วยเบลอรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น พร้อมช่วยควบคุมความมันและช่วยให้เมกอัพติดทนนาน สำหรับวิธีใช้ ก่อนเริ่มแต่งหน้าให้ทาไพรเมอร์บริเวณ T-Zone เพียงเท่านี้ก็ช่วยล็อกผิวให้สวยเนียนขึ้นได้  

Step3 สร้างงานผิวให้เนียนสวยด้วย Tinted Moisturizer

     Tinted Moisturizer เป็นการรวมตัวของผลิตภัณฑ์อย่างรองพื้นและมอยส์เจอไรเซอร์จึงให้ความปกปิดที่ดูบางเบา เป็นธรรมชาติ แถมยังช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน สำหรับใครที่มีปัญหาผิวไม่มาก การใช้ Tinted Moisturizer ก็เพียงพอสำหรับการแต่งหน้าแบบ Everday Look หรือหากใครที่ต้องการความปกปิดเป็นพิเศษก็สามารถใช้คอนซีลเลอร์แต้มเฉพาะจุด หรือเลือกลงคุชชั่นที่บางเบาอีกหนึ่งสเตปก็ได้เช่นกัน

Step4 ลงงานผิวด้วยรองพื้นหรือคุชชั่นสูตรบางเบา

     หลังจากที่ลงงานผิวอย่างบางเบากันไปแล้ว สำหรับใครที่ต้องการความปกปิดที่มากขึ้นเป็นพิเศษ แต่ยังอยากให้ผิวดูเป็นธรรมชาติแบบเนเชอรัล แนะนำให้ใช้รองพื้นหรือคุชชั่นสูตรบางเบาที่มีการปกปิดเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะหากเลือกชนิดรองพื้นที่ปกปิดมากเกินไป จะทำให้ผิวดูหนา ไม่เป็นธรรมชาติได้ และใช้เทคนิคการแตะๆ ผิว ไม่ป้าย เพราะจะทำให้งานผิวที่ลงมาก่อนหน้าหลุดลอก ไม่เรียบเนียน

Step5 เลือกเครื่องสำอางชนิดแวววาวแทนชนิดแมตต์

     นอกจากการเตรียมงานผิวให้ดูเป็นธรรมชาติแล้ว อีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้ฟินิชลุคออกมาดูโกลว์ใส เป็นงานผิวยิ่งขึ้น คือการเลือกใช้เครื่องสำอางชนิดที่มีความแวววาว เช่น อายแชโดว์ที่มีกลิตเตอร์เล็กน้อย บลัชชนิดครีม และลิปสติกชนิดทินต์เนื้อชายน์หรือกลอส เพราะการเลือกใช้เครื่องสำอางแบบแมตต์จะทำให้ลุคดูหนาและไม่เป็นธรรมชาติได้