เป็นคำถามโลกแตกสำหรับวงการนาฬิกากับคำถามที่ว่า “ใส่นาฬิกาแบรนด์ไหนดี” ทว่าคำตอบที่แท้จริงแล้วการสวมนาฬิกาที่ “ตอบโจทย์” เรามากที่สุดนั่นคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว เพราะความต้องการของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ตายตัวเสมอไป บางครั้งในคนๆ เดิมแต่ต่างวัน ต่างเวลา ต่างสถานการณ์ บางทีก็ต้องการนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นหรือหน้าตาที่ต่างกันไป ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำแบรนด์นาฬิกาที่ตอบโจทย์กับสไตล์ของคุณจริงๆ ไว้ที่บทความนี้

 

ภาพ: WatchWorldWide

สายลักชัวรี

     ถือเป็นสายแรกที่คนส่วนมากนึกถึงเมื่อพูดถึงนาฬิกาอย่างสายลักชัวรี เพราะนาฬิกาหลายแบรนด์ดังมักเป็นตัวแทนของรสนิยม ความจริงจัง และฐานะทางสังคม ยกตัวอย่างแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ของสายลักชัวรีคงหนีไม่พ้นไฮเอนด์แบรนด์อย่างเช่น Rolex อันเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและการลงทุน หรือจะเป็น Grand Seiko แบรนด์เรือนเวลาลักชัวรีจากประเทศญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทั้งยังมีเวอร์ชั่นของผู้หญิงที่ชื่อว่า Credor ซึ่งเป็นตัวอย่างของแบรนด์นาฬิกาเพื่อ Quite Luxry อย่างแท้จริง รวมถึง Bovet แบรนด์สุดยอดของความซูเปอร์ไฮเอนด์อันเป็นงานศิลป์ชั้นเลิศที่เลอค่าเหนือกาลเวลา

 

ภาพ: Bulgari, Bezali, Thejewelleryeditor

สายแฟ(ชั่น)

     เอาใจสายแฟชั่นด้วยเรือนเวลาที่นำเสนอแฟชั่นไอคอนของแบรนด์ไว้บนหน้าปัดอย่างเช่นนาฬิกาจาก Chanel ที่ประดับดอกคามิลเลียบนหน้าปัด ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ หรือจะเป็นส่วนของขอบตัวเรือนอย่าง Gucci Interlocking ที่ใช้ไอคอน Interlocking มาประดับอย่างโดดเด่น รวมถึงอีกหลากหลายไอคอนของกุชชี่อาทิ GG, Grren-Red-Green หรือวัสดุอย่าง Bamboo หรือแม้กระทั่งรูปร่างของนาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เช่น Bulgari ที่สร้างสรรค์คอลเล็กชั่นนาฬิการูปร่างคล้ายงูอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์  

 

ภาพ: WatchWorldWide

สายสปอร์ต

     สำหรับนาฬิกาสไตล์สปอร์ตมักจะมีลุคที่เข้มแข็ง ดุดัน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นหลากหลายที่เกี่ยวกับกีฬา เช่น ฟังก์ชั่นโครโรกราฟสำหรับจับเวลา หรือจะเป็นฟังก์ชั่นกันน้ำ สำหรับการดำน้ำทั้งแนวสันทนาการและแบบโปร แบรนด์แรกที่จะแนะนำคือ Seiko Prospex โดยเฉพาะซีรี่ส์ Save the Ocean ที่นอกจากจะมีแรงบันดาลใจเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว รายได้ส่วนหนึ่งก็ยังนำไปส่งเสริมกิจกรรมอนุรักษ์ทะเลและมหาสมุทรอีกด้วย และอีกหนึ่งนาฬิกาที่ให้กลิ่นอายความสปอร์ตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธารน้ำแข็งก็คือ ZENITH DEFY EXTREME GLACIER โดยการผสมผสานของเฉดสีกับสัมผัสของพื้นผิว จึงเกิดเป็นผิวสัมผัสที่ชวนให้นึกถึงธารน้ำแข็งบนทุ่งทุนดราของอาร์กติก และเป็นที่มาของชื่อ ‘Glacier’ นั่นเอง ปิดท้ายด้วย TAG HEUER AUTAVIA FLYBACK CHRONOMETER BLACK DIAL นาฬิกาโครโนกราฟที่มาพร้อมกับระบบ ‘Flyback’ สำหรับรีเซ็ตเข็มนาฬิกาเป็นศูนย์เพื่อให้เริ่มจับเวลาในรอบต่อไปได้ทันที ควบคุมด้วยคอลัมน์วีล และเวอร์ติคัลคลัตช์ จับเวลาได้ต่อเนื่องมากถึง 12 ชั่วโมง

 

ภาพ: WatchWorldWide, Van Cleef & Arpels

สายจิวเวลรี

     นาฬิกาและความหรูหรากับงานศิลป์มูลค่าสูงมักจะมาด้วยกันเสมอ การที่เรือนเวลานั้นถูกประดับด้วยอัญมณีอันเลอค่านั้นคือการรังสรรค์ความงามจากจินตนาการถ่ายทอดสู่โลกแห่งความเป็นจริง ใครที่ชื่นชอบความหรูหราหรือหลงใหลความแวววาวของอัญมณีหลากหลายชนิด รวมถึงงานงานฝีมือที่ประณีตวิจิตร ต้องไม่พลาดสำหรับ Lady Arpels Heures Florales และ Lady Arpels Heures Florales Cerisier โดดเด่นด้วยหน้าปัดประดับด้วยดอกไม้ซึ่งสามารถผลิดอกแย้มบานได้ โดยกลีบดอกไม้นั้นจะหุบปิด และผลิบานอย่างอ่อนช้อยทั้ง 12 ดอก สลับเปลี่ยนไปมาทุกๆ 60 นาที ต่อมาสำหรับคนที่ชอบอัญมณีหลากสีสันดูสนุก สวยงามตระการตากับ CARL F. BUCHERER MANERO TOURBILLON DOUBLE PERIPHERAL PARADISE เรือนเวลาที่รวบรวมวัสดุอันหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผลิตตัวเรือนจากทองกุหลาบ 18K ขอบตัวเรือนตกแต่งด้วยอัญมณีชนิดต่างๆ ทั้ซาโวไรต์ แซปไฟร์ และทับทิมหลากสีซึ่งเป็นสีจำนวน 40 เม็ด น้ำหนักราว 3.9 กะรัต เจียระไนทรง ‘Baguette-cut’ โดยวางเรียงไล่ระดับโทนสีในรูปแบบสเปกตรัมสายรุ้ง ปิดท้ายด้วยเรือนเวลาแห่งฤดูหนาวและหิมะ MB&F LEGACY MACHINE FLYING T ‘ICE’ & ‘BLIZZARD แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์รูปแบบการตกแต่งมาจากน้ำแข็งและพายุหิมะ โดยดีไซน์การประดับเพชรนั้นแทบไม่บดบังกลไกของนาฬิกา และหน้าปัดที่ทำจากหินลาพิสลาซูลีสีน้ำเงินอีกด้วย โดยอัญมณีที่ประดับอยู่บนนาฬิกาเรือนนี้ประกอบด้วยเพชรบริลเลียนต์คัตสำหรับการตกแต่งรูปแบบ ‘Ice’ รวมถึงประดับบนเม็ดมะยม และเรียงรายบนตัวเรือน

 

ภาพ: Gshock.casio, WatchWorldWide

สายเทคโนโลยีล้ำโลก

     สำหรับสายเทคโนโลยีนอกจากจะมีสมาร์ตวอตช์ให้เชยชมแล้ว ยังมีนาฬิกาสุดล้ำอีกมากมายอย่างเรือนแรกขอเริ่มที่ Seiko Astron GPS Solar นาฬิกาที่สามารถปรับตั้งเวลาโดยอัตโนมัติผ่านระบบ GPS เชื่อมต่อดาวเทียมได้มากถึง 36 ดวง และการสร้างพลังงานขับเคลื่อนจากแสงสว่าง ด้วยดีไซน์ใหม่วงแหวนขอบตัวเรือนเป็นทรงแปดเหลี่ยม ปัดลายบนพื้นผิวแบบปัดด้านสลับขัดเงาตัวเรือน และสายทำจากไทเทเนียมน้ำหนักเบา และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และหากชาร์จพลังงานเต็มประจุ จะสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง 6 เดือน หรือนานถึง 2 ปี ในโหมดประหยัดพลังงาน อีกหนึ่งเรือนที่ไม่พูดไม่ได้คือ Casio G-Shock Protection นาฬิกามีบลูทูธควบคุมด้วยคลื่นวิทยุ GPS และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อน สามารถระบุข้อมูลเวลา และตำแหน่งที่แม่นยำ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนบนโลกก็ตาม