The Glory Netflix
LIFESTYLE

ซีรี่ส์ The Glory จุดชนวน! ชาวทวิตเตอร์แห่ขุดอดีตของเหล่าดาราศิลปินไทยจอมบูลลี่

นี่คือความร้ายกาจของ 'Digital Footprint' และนี่คือสิ่งที่ "บุคคลสาธารณะ" ต้องแลกกับชื่อเสียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     นับเป็นซีรี่ส์เน็ตฟลิกซ์อีกหนึ่งเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนาหูอยู่ในตอนนี้ สำหรับซีรี่ส์ดราม่า The Glory จากประเทศเกาหลีใต้ ที่นำแสดงโดยนักแสดงหญิงมากฝีมือ Song Hye-Kyo ที่เคยฝากฝีมือเอาไว้ในซีรี่ส์น่าจดจำเรื่อง Descendants of the Sun เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา และทำให้สาวกชาวไทยหลายคนรู้จักเธอคนนี้มากขึ้น การกลับมารับบทนำในซีรี่ส์เรื่องนี้ของ ซอง เฮ เคียว จึงได้รับการคาดหวังอย่างมากจากคนดู ซึ่งเธอก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังในบทบาทของผู้ถูกกระทำ และสายตาอันว่างเปล่าและมืดหม่นตลอดทั้งเรื่อง ที่ทำให้เราได้รู้ว่านักแสดงหญิงคนนี้ร้ายกาจมากแค่ไหนในด้านฝีมือการแสดง

     The Glory เล่าเรื่องราวของเด็กมัธยมเกาหลีใต้ที่ชีวิตต้องพังทลายลงจากการถูกบูลลี่ของกลุ่มเพื่อนมาเฟียประจำโรงเรียน การกระทำของกลุ่มคนเหล่านั้นฝากรอยแผลทั้งทางกายและทางใจให้กับตัวละครเอก อีกทั้งยังฝากความแค้นเอาไว้ในใจเพื่อรอวันที่จะกลับมาแก้แค้นอีกครั้งอย่างสาสม แม้จะฟังดูเป็นพล็อตเรื่องแสนธรรมดาและไม่ได้ใหม่อะไรมากนัก ทว่าซีรี่ส์เรื่องนี้ก็ยังได้รับคำชมอย่าล้นหลาม อีกทั้งยังสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างให้เกิดขึ้นในสังคมได้จริง...

     หลังจากที่ The Glory เข้าฉายบนเน็ตฟลิกซ์ได้ไม่นาน สถานการณ์บนทวิตเตอร์ของประเทศไทยก็กลับมาร้อนฉ่าอีกครั้ง ด้วยเทรนด์แฮชแท็ก #TheGlory ที่นอกจากจะมีการรีวิวและวิจารณ์ซีรี่ส์ดังกล่าวแล้ว ในแฮชแท็กเดียวกันนี้ยังผสมโรงไปด้วยการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของเจ้าของบัญชีที่เคยโดนบูลลี่ เหมือนกับตัวละครเอกในซีรี่ส์เรื่องนี้ ซึ่งยังทิ้งร่องรอยกลายเป็นแผลเป็นทางใจที่แก้ไม่หายมาจนถึงปัจจุบัน โดยหนึ่งในกรณีน่าสนใจก็เห็นจะเป็นการพาดพิงถึง ‘อดีตของเหล่าดาราและศิลปินไทย’ หลายคนที่เคยมีพฤติกรรมบูลลี่เพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยม ที่ถูกขุดขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งอย่างน่าสนใจ พร้อมตั้งคำถามว่า “คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ควรได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่”

     กระนั้นในอีกฟากฝั่งก็มีการตั้งคำถามสวนกลับไปว่า “การขุดพฤติกรรมเก่าที่จบลงไปแล้วในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเรื่องที่สมควรและมีประโยชน์อะไรหรือไม่”...

     การถกเถียงบนโลกทวิตเตอร์ผ่านแฮชแท็กดังกล่าวได้รับความสนใจมากพอสมควร แต่ที่ดูน่าสนใจไปมากกว่าข้อความบนโลกทวิตเตอร์ที่หลั่งไหลพรั่งพรูอยู่บนหน้าฟีดนั้น เมื่อพิจารณาแล้วก็จะรู้ว่านี่คือบทเรียนสำคัญของโลกยุคดิจิทัลที่เรียกว่า ‘Digital Footprint’ หรือรอยเท้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่สามารถตามมาหลอกหลอนเราได้เสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม และแน่นอนว่าการถูกขุดพฤติกรรมเก่าๆ ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องแสนจะสามัญของกลุ่มคนท่ามกลางสปอตไลต์ (Public Figure) ซึ่งต้องถูกซักฟอกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่เป็นบุคคลสาธารณะสร้างพฤติกรรมที่เลวร้ายต่อคนในสังคม หน้าที่ของคนท่ามกลางสปอตไลต์เหล่านั้นมีหน้าที่เพียงรับมือก็เท่านั้น หากพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ก็เพียงแต่ขอโทษและแก้ไขด้วยการสร้างวันใหม่ให้ดีกว่า และพึงระลึกต่อตัวเองเสมอว่าจะไม่กลับไปทำผิดพลาดอีกครั้ง แต่หากทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก คุณจะกลัวอะไร...ก็แค่ใช้พื้นที่สปอตไลต์ของคุณที่สว่างกว่าคนอื่นๆ ในการแก้ข่าว และบอกความจริงก็เท่านั้น

     อย่างไรก็ตาม ซีรี่ส์ The Glory ก็นับเป็นซีรี่ส์สัญชาติเกาหลีใต้น้ำดีอีกหนึ่งเรื่องที่สะท้อนให้เห็นภาพสังคมของโรงเรียนมัธยมเกาหลีใต้ได้อย่างเข้มข้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นและตีแผ่ถึงสถานการณ์การถูกบูลลี่ของเหยื่อได้อย่างดีอีกด้วย ท้ายที่สุดผู้เขียนก็หวังเพียงว่า คนที่ได้ดูซีรี่ส์เรื่องนี้จบแล้วก็น่าจะตระหนักขึ้นมาได้ว่า “การกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม” และถึงแม้ว่าจะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ทุกคนสามารถตระหนักรู้และสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้

WATCH

คีย์เวิร์ด: #TheGlory #VogueOpinion #BullyuingIssue