เรื่องตลกขำขันของการเจอใครสักคนคงเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป ทว่าสำหรับการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่หลายคนกระเกร็งต้องบอกว่าเป็นเรื่องยากที่จะเห็นช่วงเวลาขำขันอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะทุกคนต่างเกรงใจและเข้าใจความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงมารยาทที่พึงประสงค์ในพื้นที่ส่วนพระองค์ ณ พระราชวังด้วย ทว่าครั้งหนึ่งมีนักฟุตบอลชื่อดังคนหนึ่งสร้างเสียงหัวเราะจนกลายเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากความน่ารักของทั้ง 2 ฝั่งที่สามารถทำให้ทุกคนอมยิ้มได้

Emmanuel Eboué ขณะกำลังค้าแข้งกับสโมสร Arsenal / ภาพ: GOAL

     ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 ทีม Arsenal ทีมฟุตบอลชั้นนำของประเทศอังกฤษมีกำหนดการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ พระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งสโมสรฟุตบอลนี้ถูกจารึกไว้ว่าเป็นสโมสรฟุตบอลเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับคำเชิญให้เข้าเฝ้าอย่างเป็นทางการจากสมเด็จพระราชินีฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พระองค์ทรงมีกำหนดการเสด็จเปิดสนามแห่งใหม่หลังจากสโมสรย้ายสนามใหม่ ทว่าเนื่องด้วยอาการประชวรส่งผลให้พระองค์ไม่สามารถเสด็จได้ เนื่องด้วยเหตุนี้สมเด็จพระราชินีฯ จึงส่งคำเชิญให้นักเตะและทีมงานเข้าเฝ้าและร่วมดื่มชา

บรรยากาศการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของสโมสร Arsenal เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2007 / ภาพ: TalkSport

     เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Emmanuel Eboué ดาวเตะไอวอรี่โคสต์ของอาร์เซน่อลร่วมเข้าเฝ้าครั้งนี้ด้วย ความน่ารักเกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นสุนัขคอร์กี้ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 “เราไปที่นั่นและ Thierry Henry (ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม) บอกว่า ‘เอ็มมานูเอลได้โปรด...นี่คือพระราชวังบักกิงแฮม บ้านของราชินี อย่าทำอะไร’” ซึ่งเอ็มมานูเอลก็เชื่อฟังและตอบรับคำห้ามปรามของเธียร์รี่อย่างดิบดี ในตอนนั้นสมเด็จพระราชินีฯ มาพบกับนักเตะและทีมงาน ก่อนจะเชกแฮนด์ทักทายตามขนบธรรมเนียม ทว่าเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และ Arsène Wenger ในช่วงระหว่างการเข้าเฝ้าของสโมสร Arsenal / ภาพ: talkSPORT

     เอ็มมานูเอลเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญนั้นว่า “หลังจากพระองค์ทรงจับมือทักทายเสร็จผมก็เห็นเหล่าสุนัขคอร์กี้ และผมก็พูดว่า ‘คุณผู้หญิงๆ’ พระองค์ทรงหันกลับมาแล้วทรงถามว่า ‘เป็นอย่างไรบ้าง’ ผมจึงตอบว่า ‘โอเคครับคุณผู้หญิง ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้ผมเริ่มไม่อยากเป็นนักฟุตบอลแล้ว ผมอยากดูแลสุนัขของคุณ อยากจะพาไปเดินเล่น อาบน้ำให้ ให้อาหาร ผมอยากเป็นผู้ดูแลสุนัขครับ’” เหตุการณ์นี้ทำเอาทุกคนหลุดขำพร้อมกับอาการอึ้งเล็กน้อย มากไปกว่านั้นเอ็มมานูเอลยังเสริมด้วยว่า “กล่าวด้วยความสัตย์จริงเลยนะ สมเด็จพระราชินีฯ ทรงหัวเราะ เจ้าชายฟิลิปก็ทรงหัวเราะเช่นกัน ทั้งทีมผมก็หัวเราะด้วย” เรียกว่านี่คือบทสนทนาที่ชวนงงแต่กลับเรียกรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะได้จากทุกคน ความใสซื่อของเอ็มมานูเอลและความเป็นกันเองแบบเรียบง่ายของสมเด็จพระราชินีฯ สอดประสานกันในเหตุการณ์ดังกล่าว นี่จึงถือเป็นโมเมนต์ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งนักฟุตบอลอยากเปลี่ยนอาชีพมาดูแลสุนัขทรงเลี้ยง เรื่องนี้ทำให้ทุกคนยิ้มได้ไม่หุบจริงๆ

 

ข้อมูล:

sportsbrief.com

sportbible.com