หลังจากปล่อยมิวสิกวิดีโอซิงเกิ้ลคัมแบ็กออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่ากระแสนิยมของทั้ง 4 สาวก็ยังคงพุ่งทะยานขึ้นอยู่เรื่อยๆ กระทั่งที่มิวสิกวิดีโอเพลง ‘PINK VENOM’ ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้กับวงการเพลง K-Pop บนแพลตฟอร์มยูทูบได้สำเร็จไปแล้ว ในฐานะของเพลงที่สามารถทำยอดวิว 100 ล้านวิวได้เร็วที่สุด ภายในเวลาเพียง 29 ชั่วโมง 35 นาที ทุบสถิติเก่าของตัวเองที่เคยสร้างเอาไว้กับเพลง How You Like That ลงได้อย่างง่ายดาย สะท้อนกระแสนิยมทั่วโลกที่ให้ความสนใจกับการกลับมาในรอบ 2 ปีของพวกเธออย่างชัดเจน

     (ตามไปอ่านเรื่องราวการก้าวเข้ามามีบทบาทของ 4 สาววง BLACKPINK ในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกต่อได้ที่ https://www.vogue.co.th/fashion/article/blackpinkfashionbrandambassador)

     กระนั้น แม้ว่าเพลง PINK VENOM ที่ถูกปล่อยออกมาจะได้รับคำชมในหลายด้าน ทั้งการลงทุนในด้านของโปรดักชั่นการถ่ายทำ ทั้งแสง สี เสียง ที่ถูกเนรมิตขึ้นในสตูดิโอที่บลิงก์ทั่วโลกต่างคาดการณ์ว่ามีขนาดใหญ่กว่าสตูดิโอทั่วไปอย่างแน่นอนรวมไปถึงความสามาราถ และความพยายามของทั้ง 4 สาวที่ก้าวกระโดดตามวัยและประสบการณ์ ทว่ามิวสิกวิดีโอเพลง PINK VENOM ก็นับเป็นอีกหนึ่งผลงานของ 4 สาว ลิซ่า, เจนนี่, โรเซ่ และจีซู ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเช่นกัน จนเห็นได้ชัดว่าตอนนี้มีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน บ้างก็ว่าแนวเพลงที่ออกมาไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก, บ้างก็ว่าผิดหวังที่ทุกอย่างดูออกมาไม่ต่างจากมิวสิกวิดีโอเพลงก่อนๆ ของพวกเธอสักเท่าไหร่ และอีกมากมาย ที่กำลังกลายเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ตอนนี้บนโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่อาจตัดสินได้ว่า ตกลงแล้วผลงานซิงเกิ้ลคัมแบ็กล่าสุดของสาวๆ วง BLACKPINK นั้นดีหรือไม่ เพราะนั่นก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ‘รสนิยม’ ของแต่ละบุคคลไป

     ทว่าสิ่งที่น่าสนใจสำหรับโว้กก็คือ อะไรกันแน่ที่ทำให้การกลับมาของ BLACKPINK ในแต่ละครั้ง ยังกลายเป็นที่จับจ้องของโลกใบนี้ทุกครั้ง แม้แต่ครั้งนี้ที่ผลงานของพวกเธอถูกวิจารณ์อย่างหนักในด้านลบก็ตาม...

     หากลองพิจารณาให้ดีในระนาบของ ‘ความเป็นสากล’ แล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าชื่อของ BLACKPINK คือหนึ่งในชื่อที่สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ในทุกบทสนทนาของคนทั่วโลกได้ไม่ยาก ซึ่งมีตัวแปรสำคัญที่น่าสนใจมาจากการวางหมากบนกระดานเกมของต้นสังกัดอย่าง YG Entertainment อันแยบยล เริ่มต้นจากการผลักดันให้ทั้ง 4 สาวได้กลายเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น เจนนี่ ในฐานะของแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CHANEL, ลิซ่า ในฐานะของแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CELINE และ BULGARI ตามมาด้วย โรเซ่ ในฐานะของแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Saint Laurent และ Tiffany&Co. ปิดท้ายด้วย จีซู ในฐานะของแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Dior และ Cartier ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ทั่วโลกเริ่มพูดถึงเธอทั้ง 4 คนและแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก สร้างฐานแฟนคลับบลิงก์ในต่างแดนได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนกับการกวาดฐานสื่อแฟชั่นจากทั่วโลกไปได้อย่างง่ายดาย (ทำให้ฐานสื่อที่พร้อมจะสนับสนุนพวกเธอทั้ง 4 คนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จากสื่อบันเทิงรวมกับสื่อแฟชั่นระดับโลก) จึงไม่ต้องแปลกใจที่สื่อแฟชั่นชื่อดังทั่วโลกจะรอคอยการกลับมาของพวกเธอ และนำเสนอข่าวของพวกเธอไม่เว้นวาย

     นอกจากที่สมาชิกทุกคนของวงจะได้ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกให้กับแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ที่แตกต่างกัน ซึ่งนับเป็นตัวหมากรุกฆาตบนกระดานเกมส์ครั้งนี้ ที่ยังไม่มีเกิร์ลกรุ๊ปวงไหนของอุตสาหกรรมเคป็อปทำได้แล้วนั้น กลยุทธ์ล่าสุดที่โว้กเชื่อแน่ว่าจะทำให้สาวๆ BLACKPINK ยิ่งดังเป็นพลุแตกขึ้นไปอีกขั้น ก็เห็นจะหนีไม่พ้นการ Comeback Stage กับซิงเกิ้ล PINK VENOM ของสาวๆ ที่จะเกิดขึ้นบนเวทีระดับโลกอย่างงานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards ประจำปี 2022 ซึ่งนับเป็นการคิดการณ์ไกลที่น่าชื่นชมของต้นสังกัด อีกทั้งยังสร้างเซอรไพรส์ให้กับเหล่าบลิงก์ทั่วโลกได้อีกด้วย โดยการขึ้นโชว์สดบนเวทีระดับโลกของทั้งสี่สาวจะไม่ได้เป็นการถูกพูดถึงแค่ในวงสังคมเกาหลีใต้ หรือชาติในเอเชียเท่านั้น แต่งานประกาศรางวัลฝั่งอเมริกันจะยิ่งทำให้สาวๆ ถูกพูดถึงในทุกภูมิภาคทั่วโลกอย่างแท้จริง อีกทั้งการได้ขึ้นโชว์บนรายการประกาศรางวัลระดับโลกของสาวๆ BLACKPINK ในครั้งนี้ โดยก้าวข้ามวัฒนธรรมการขึ้นโชว์ Comeback Stage บนเวทีรายการเพลงของเกาหลีใต้ ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่า พวกเธอคือศิลปินระดับโลกที่ต้องการตจีตลาดระดับโลกอย่างแท้จริง

     ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือเหตุผลบางส่วนที่ BLACKPINK ได้กลายเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่ถูกพูดถึงจากคนทั่วโลก ยังไม่นับแผนการโปรโมตของค่ายต้นสังกัดบนแพลตฟอร์มทั่วโลก ที่เราได้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ BLACKPINK ไม่เคยหายไปไหนจากวงสนทนาระดับโลก ซึ่งงานนี้ก็ต้องมาตามดูกันแล้วว่าหลังจากนี้ความโด่งดังของพวกเธอจะไปไกลแค่ไหน และพวกเธอจะสร้างปรากฏการณ์อะไรให้กับโลกใบนี้อีกบ้าง