LIFESTYLE

เพลง WAP ของ Cardi B เป็นกระแสดุเดือดเมื่อกล้าท้าตั้งคำถามต่อกระแสสังคมอย่างเผ็ดร้อน

Cardi B และ Megan Thee Stallion ปล่อยเพลงเนื้อหาสุดเถรตรงเรื่องเพศจนกลายเป็นที่พูดถึงของคนทั่วโลก

     “WAP” เพลงใหม่ของ Cardi B ที่จับมือร่วมกันกับ Megan Thee Stallion รังสรรค์มันขึ้นมาด้วยความรู้สึกลึกซึ้งภายในจิตใจเกี่ยวกับการระบายออกทางเพศผ่านคำพูด ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้เพลง WAP มีชื่อเสียงดังดังขจรขจายตั้งแต่วันแรกที่เผยแพร่ลงบนช่องยูทูบ และตอนนี้ก็เป็นประเด็นร้อนฉ่าในสังคมออนไลน์อย่าต่อเนื่อง ชนิดมีทุกวันไม่หยุดพักเลยทีเดียว เพราะความทะลึ่งล่อแหลมนั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องเซ็กส์ตรงไปตรงมาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในเชิงวัฒนธรรมมันสะท้อนถึงรากเหง้าของปัญหาความแบ่งแยกเชื้อชาติและเพศมาแต่ไหนแต่ไร หญิงสาวผิวสีจึงกลั่นออกมาเป็นเพลงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าลามกให้ถกกันทุกวันนี้

     เรื่องนี้ร้อนแรงสุดขีดไปถึงเรื่องชาติพันธุ์และเพศเป็นหลักโดย “Black Women” นั้นถูกกดขี่ให้กลายเป็นชนชั้นรองในสังคมหลายสังคมโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา วัฒนธรรมต่างๆ ถูกมองว่าไม่เจริญยกตัวอย่างเช่นลายพิม์สัตว์ต่างๆ มันดูเป็นของแปลก ทั้งๆ ที่ในทวีปแอฟริกามันบ่งบอกถึงอำนาจและความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ บางครั้งมันหนักหนาถึงขั้นถูกมองว่าสกปรกต่ำต้อยเมื่อหญิงสาวผิวสีเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าเอกลักษณ์จากวัฒนธรรมตนเอง หรือว่าจะเป็นด้านงานศิลปะต่างๆ ก็ทำให้เห็นว่าหลายครั้งศิลปะของคนผิวสีทั้งการร้องรำทำเพลงหรือแม้แต่ลวดลายถูกทำให้ดูพิเศษแปลกตาแต่ก็ไม่ได้ยอมรับในสังคมเท่าใดนัก ทั้งหมดถูกสะท้นออกมาในมิวสิกวิดีโอพวกนั่นคือตัวตนของพวกเธอ ไม่เห็นจะผิด และควรถูกลดค่าแต่อย่างใด

     นอกจากศิลปวัฒนธรรมของคนผิวสีที่โดนกดขี่แล้วนั้นเรื่องเพศคือประเด็นร้อนแรงสุดในเพลงนี้คำว่า “Wet Ass P**sy” นั้นเรียกว่าเข้าขั้นอนาจารกันเลยล่ะ แต่ทำไมมันถึงเป็นประเด็น เพราะเรื่องเพศในหลายประเทศสามารถพูดกันได้อย่างเป็นปกติ แต่มันสำหรับผู้ชายเสียส่วนมาก พอผู้หญิงพูดถึงเรื่องเพศกลายเป็นถูกตราหน้าไปต่างๆ นานา เรื่องนี้ไกลไปถึงเหล่านักการเมืองเมื่อ James P. Bradley ผู้ชิงตำแหน่งที่นั่งในสภาคองเกรสจากรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “เรื่อง(เพลง)นี้มันเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเด็กถูกเลี้ยงดูโดยไร้ซึ่งการยึดถือพระเจ้า #WAP เพลงใหม่ของพวกเธอทำเอาผมอยากเทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงในหูทั้ง 2 ข้างตอนได้ยินมัน ผมรู้สึกเสียใจจังที่เด็กสาวรุ่นใหม่จะมีคนเหล่านี้เป็นต้นแบบ” เหมือนกับว่าเขาและกลุ่มคนที่มีชุดความคิดเดียวกับเขาจะรับกับเนื้อหาเพลงนี้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง มันจึงเกิดคำถามขึ้นว่าแล้วเพลงที่มีเนื้อหาเรื่องเพศแต่เป็นของผู้ชายนั้นกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมและเขาเหล่านั้นรับได้งั้นหรือ...



WATCH




     จะบอกว่าเพลงแค่ 2 แง่ 2 ง่ามไม่ได้ลามกขนาดนั้นก็อาจจะไม่ใช่ แต่เรื่องลามกๆ นั้นถูกนำเขียนเป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงความต้องการทางเพศสำหรับผู้ชายมากมาย ยกตัวอย่างเช่นเพลง “Or Nah” ของ The Weeknd ที่มียอดวิวกว่า 555 ล้านครั้ง พอผู้หญิงลองพูดแบบตรงไปตรงมาบ้างกลับโดนประณามหยามเหยียดราวกับพวกเธอเป็นตัวประหลาด และจะโดนหนักขึ้นเมื่อเป็นหญิงสาวผิวสี DeAnna Lorraine อดีตผู้ชิงตำแหน่งในสภาคองเกรสก็ออกมาพูดว่า “ทั้งคู่เหมือนพาผู้หญิงกลับไปสู่โลกยุค 100 ปีก่อนด้วยเพลง WAP” ซึ่งประโยคการย้อนเวลาเหล่านี้โดยเฉพาะเรื่องที่ดูไม่เจริญในสายตาคนพูดจะเหมือนการทั้งเหยียดเพศและชาติพันธุ์ไปในเวลาเดียวกัน เพราะคนผิวสีมักถูกมองว่าล้าหลัง และการทำเพลงเช่นนี้หากไม่ตีความให้ลึกลงไปก็จะมองแค่ว่าเป็นความสกปรกทางความคิดแบบคนจากดินแดนไม่ศิวิไลซ์ ทำไมพวกเธอต้องถูกมองว่าคุยเรื่องสกปรกทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ถกกันในชีวิตของทุกคนจริงๆ

     นอกเรื่องเพศกับสัญญะทางวัฒนธรรมแล้วยังมีประเด็นท้าทายการเหมารวมทางเพศต่อผู้หญิงด้วยกับประโยคที่ว่าเนื้อเพลงท่อนหนึ่งว่า “I don’t cook I don’t clean. But let me tell you how I got this ring” มันท้าทายถึงการเลือกคู่แบบเดิมๆ ท้าทายต่อภาพจำที่ผู้หญิงต้องทำงานครัวงานบ้าน มันไม่ใช่อีกต่อไปการได้มาซึ่งแหวนอาจจะมาจากความเร่าร้อนของเธอเอง ซึ่งถ้ากลับกันผู้ชายดูเร่าร้อนและครองหัวใจผู้หญิงมันกลายเป็นเรื่องธรรมดา นั่นเป็นเพราะสังคมยังมองผู้หญิงโดยเฉพาะผิวสีเป็นชนชั้นรองในสังคม และเพลงที่หลายคนบอกสกปรกหยาบคายมันพ่นความจริงออกมาแบบแทงใจดำจริงๆ สุดท้ายการพูดถึงเรื่องใต้สะดืออาจไม่ถูกใจสำหรับทุกคน แต่มันไม่ใช่ความผิดที่ต้องปิดให้มิดเมื่อผู้หญิงพูดเรื่องนี้ ทุกคนพูดได้หมด ชอบไม่ชอบแล้วแต่รสนิยมส่วนบุคคล ถ้าไม่ชอบก็ปล่อยผ่านไป เราบังคับให้คนไม่ทำคงไม่ได้ ยิ่งในสมัยนี้ปัจเจกบุคคลคือเรื่องสำคัญในสังคม และยิ่งถ้าบอกว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งหรืออีกหลายคนในสังคมกลับพูดถึงธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ตัวเองไม่ได้ มันยังจะเรียกว่า “ธรรมชาติ” ได้เต็มปากหรือ...แฟนโว้กคิดเห็นอย่างไรกับเพลงนี้ของ 2 สาวกันบ้างสามารถแสดงความคิดเห็นได้เลย

WATCH