taylor swift
LIFESTYLE

ย้อนวัยไปกับเพลงของ ‘Taylor Swift’ ที่ยังคงฮิตติดใจข้ามผ่านกาลเวลา

ก่อนจะไปพบกับอัลบั้มใหม่ของเธอ โว้กขอชวนมาย้อนอดีตกับเพลงฮิตข้ามเวลาของเธอไปพร้อมกัน

     หลังจากผ่านค่ำคืนของงานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards ประจำปี 2022 ไปไม่นานมานี้ เหล่าเซเลบริตี้และศิลปินชื่อดังมากหน้าหลายตาก็พากันกวาดรางวัลกลับบ้านได้อย่างสมศักดิ์ศรี นักร้องสาว ‘Taylor Swift’ ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่มากความสามารถและคว้ารางวัลใหญ่สาขา Video of the Year กับมิวสิกวิดีโอ All Too Well: The Short Film ที่เธอกำกับเองท่ามกลางความภาคภูมิใจของแฟนๆ แต่หลายคนก็คิดว่านี่คงเป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่ที่สุดในวันนั้นของเหล่าสวิฟตี้แล้ว ทว่าเทย์เลอร์กลับสร้างเสียงฮือฮาให้กับอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ นั่นคือการประกาศบนเวทีว่าอัลบั้มชุดใหม่ของเธอจะปล่อยในวันที่ 21 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ ไม่เพียงเท่านั้นเทย์เลอร์ยังเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมโพสต์รูปภาพดังกล่าวโดยมีชื่อเพลงเรียงกัน 13 เพลงในอัลบั้มที่ชื่อว่า Midnight อีกด้วย แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ของเทย์เลอร์ เหล่าแฟนๆ ยังคงตั้งตารอคอยกันอย่างใจจดจ่อ เพราะการปล่อยอัลบั้มในแต่ละครั้งของเธอก็ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวังเลยสักครั้ง

 

taylor swift MTV 2022

    Taylor Swift ที่งานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards ประจำปี 2022 / ภาพ: Billboard

     หลังจากผ่านสมรภูมิการแย่งชิงลิขสิทธิ์เพลงของเธอมานานนับปี จนเธอก็เอาชนะนำเพลงของเธอกลับคืนมาได้พร้อมอัดเสียงใหม่ทั้งหมดเพื่อถือครองสิทธิ์ผลงานเพลงของเธอโดยตรง ทำให้เหล่าสวิฟตี้ก็ร่วมยินดีกับเธอไม่น้อยและได้ฟังเพลงของเธออย่างโล่งใจเสียทีว่าผลงานเพลงที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพของเธอจะได้คืนสู่เจ้าของเพลงตัวจริง และได้เดินหน้าทำผลงานอัลบั้มใหม่อย่างเต็มรูปแบบเช่นอัลบั้มที่จะปล่อยออกมาเร็วๆ นี้ แต่ระหว่างรอถึงวันปล่อยอัลบั้มของเธอ...บทความนี้จึงได้หยิบยกเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟต์บางส่วนที่ฟังติดหูอยู่ทุกช่วงเวลาเพื่อเรียกน้ำย่อยให้ทุกคนล้วนคิดถึงความทรงจำเหล่านั้นว่าเทย์เลอร์เคยสร้างเมโลดี้และคำร้องให้สลักจิตใจของแฟนๆ ไว้อย่างไรบ้าง

Love Story (2008)

     เริ่มต้นกันด้วยเพลงแนวคันทรีป๊อปอย่าง ‘Love Story’ เพลงรักที่เทย์เลอร์เล่าถึงความรักของเธอที่ถูกพ่อกีดกันกับแฟนหนุ่ม (ในช่วงเวลานั้น) เลยพลิกแพลงโยงไปถึงนิยายรักอมตะของ Romeo & Juliet จนได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บทเพลงนี้ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นเพลงแรกที่ปล่อยจากอัลบั้ม Fearless และประสบความสำเร็จอย่างมาก รวมถึงสร้างปรากฏการณ์ขึ้นอันดับ 4 บนชาร์ต Billboard Hot 100 จนได้รับความนิยมไปทั่วโลก ทำให้ทุกคนรู้จักชื่อเทย์เลอร์ สวิฟต์คนนี้ในภาพจำของนักร้องแนวคันทรี และถึงแม้เพลงนี้จะผ่านมานานถึง 14 ปี (หากนับเวลาจากเวอร์ชั่นออริจินัล) ปัจจุบันผู้คนยังให้ความสนใจและยังเปิดฟังอยู่ในชีวิตประจำวันจนยอดเข้าชมในยูทูบตอนนี้ก็แตะเลขกว่า 600 ล้านวิวแล้ว

 




WATCH




You Belong With Me (2009)

     สำหรับเพลง ‘You Belong with Me’ นั้นก็ปฏิเสธยากเหลือเกินว่าที่จะไม่ร้องหรือเต้นตามหากเพลงนี้ดังขึ้น เพราะเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ไม่ว่าเทย์เลอร์จะร้องครั้งไหนๆ ก็มักเรียกเสียงร้องจากเหล่าแฟนคลับไปได้อย่างท่วมท้น ด้วยจังหวะที่สนุกสนาน ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายและมองเห็นถึงความสดใสทั้งในน้ำเสียงและภาพลักษณ์ของเทย์เลอร์ ทำให้เพลงนี้ติดชาร์ตอันดับเพลงฮิตมากมาย ถึงขนาดเป็นเพลงแนวคันทรีเพลงแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard ทั้งยังมีรายชื่อเสนอเข้าชิงรางวัลอุตสาหกรรมเพลงอันทรงเกียรติอย่างแกรมมี่อีกด้วย เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่เทย์เลอร์มักหยิบไปแสดงสดบนเวทีอยู่เสมอเพื่อเอาใจเหล่าสวิฟต์ตี้ให้ร้องดังกึกก้องไปทั่วสเตเดี้ยม

 


Back To December (2010)

     มาถึงเพลงเศร้าเคล้าอารมณ์ความคิดถึงอย่างเพลง ‘Back To December’ ที่ในปัจจุบันแฟนๆ ก็หยิบมาฟังเพลินๆ ได้ไม่เบื่อ โดยช่วงเวลานั้นต่างก็คาดเดากันไปว่าเทย์เลอร์แต่งเพลงนี้ขึ้นเพื่อขอโทษคนรักเก่าอย่าง Taylor Lautner แต่ไม่ว่าเทย์เลอร์จะสร้างสรรค์เพลงนี้ขึ้นมาด้วยเหตุผลใด ทว่าเนื้อหาของเพลงก็ยังมีความกินใจและสามารถดึงผู้ฟังให้เข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้เป็นอย่างดี ทั้งการพัฒนาการด้านการร้องและเนื้อเสียงของเธอทำให้เพลงนี้ไต่ชาร์ตขึ้นสู่อันดับ 6 บนชาร์ต Billboard Hot 100  และทะยานสู่อันดับที่ 3 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอตเพลงคันทรีอีกด้วย

 


I Knew You Were Trouble (2012)

     เพลงจังหวะสนุกแต่เนื้อหาแอบดุเดือดเล็กน้อยอย่างเพลง ‘I Knew You Were Trouble’ ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เทย์เลอร์ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวมาถ่ายทอดเล่าเรื่องราวให้แฟนๆ ได้รับรู้ถึงความรู้สึกถึงความรักในช่วงเวลานั้นที่แฟนหนุ่มของเธอได้เข้ามาเป็นตัวปัญหาในชีวิตรักเสียอย่างนั้น และถึงแม้จะมีเนื้อหาที่ดูโมโหแกมใส่อารมณ์เล็กน้อย ทว่าเป็นเพลงที่ติดหูและเป็นอีกหนึ่งเพลงที่เทย์เลอร์ได้ร้องโชว์บนเวทีแฟชั่นโชว์นางฟ้าอย่าง Victoria’s Secret ประจำปี 2013 อีกด้วย และในปัจจุบันก็ถือเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ ที่มักจะหยิบไปร้องสังสรรค์ในห้องคาราโอเกะกันอยู่เสมอ

 


Begin Again (2012)

     ดึงมู้ดกลับมาที่ผลงานเพลงใจความซึ้งๆ อย่าง ‘Begin Again’ ที่คราวนี้เทย์เลอร์ได้ถ่ายทอดเพลงคันทรีออกมาถึงเรื่องราวของเธอที่ได้ตกหลุมรักคนๆ หนึ่งอีกครั้งหลังจากที่ความสัมพันธ์ครั้งเก่าจบลง เพลงนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากนักวิจารณ์เพลงซึ่งยกย่องว่าเป็นเพลงที่มีคำร้องและแนวดนตรีให้ฟังสบายๆ จนกลายเป็นอีกเพลงที่ประสบความสำเร็จและได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 56 สาขาเพลงคันทรียอดเยี่ยม ตั้งแต่นั้นมาเทย์เลอร์จึงมักหยิบเพลงนี้ไปร้องสดบนเวทีอยู่บ่อยๆ พร้อมกับเล่นกีตาร์คู่ใจให้แฟนๆ ได้รับฟังกันอย่างเพลินหู

 


22 (2012)

     โยกย้ายส่ายสะโพกไปกับเพลงจังหวะสนุกสนานอย่าง ‘22’ ที่ในช่วงเวลานั้นก็ร้องได้กันทั่วบ้านทั่วเมือง โดยเพลงนี้เล่าถึงอารมณ์ของช่วงวัยรุ่น 22 ปีของเทย์เลอร์ที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายทั้งด้านดีและไม่ดี ทั้งยังถือเป็นช่วงจังหวะชีวิตที่สนุกสุดเหวี่ยงจนกลายเป็นช่วงเวลาที่เธอชื่นชอบมากที่สุด จนอยากนำมาเสนอผ่านเมโลดี้แนวป๊อปที่ใครต่างก็ชื่นชมว่าเป็นเพลงที่บรรยายถึงความสุขได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหลังจากที่เพลงนี้ปล่อยออกมาจนถึงทุกวันนี้ ใครหลายคนเมื่อถึงวัย 22 ปีก็ต้องเอาเนื้อร้องท่อนที่ว่า ‘I don’t know about you, but I’m feeling 22’ ไปโพสต์เป็นแคปชั่นใต้ภาพในวันเกิดของตัวเองแน่นอน

 


Blank Space (2014)

     ถึงเวลาที่เทย์เลอร์ สวิฟต์หันมาทำเพลงป๊อปเต็มตัวกับอัลบั้ม 1989 อย่างเพลง ‘Blank Space’ ที่ฉีกกฎแนวคันทรีที่เคยเป็นไปโดยปริยาย โดยเนื้อเพลงเป็นการเหน็บแนมเกี่ยวกับความเข้าใจของสื่อที่มีต่อเทย์เลอร์และความสัมพันธ์ของเธอ นอกจากเพลง ‘Shake It Off’ ที่ได้ปล่อยไปก่อนหน้านี้ เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่พุ่งทะยานขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ทั้งนี้ยังถือเป็นศิลปินหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ในรอบ 56 ปีของ Hot 100 ที่ทำลายสถิติของตัวเองอีกด้วย แนวดนตรีที่ร่วมสมัย ฟังเมื่อไรก็ต้องยักไหล่ไปด้วยทุกครั้ง จึงกลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาลที่เทย์เลอร์ก็ใช้ร้องสดบนสเตจเป็นประจำ และเหล่าแฟนเพลงก็ยังเปิดฟังจนยอดวิวในยูทูบตอนนี้มีผู้เข้าชมมากถึง 3 พันล้านแล้ว!

 


Look What You Made Me Do (2017)

     แม้จะมีเพลงฮิตและอัลบั้มอื่นๆ ของเทย์เลอร์ สวิฟต์อีกมากมาย แต่เราขอปิดท้ายด้วยเพลง ‘Look What You Made Me Do’ จากอัลบั้ม Reputation เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนตัวตนจากอัลบั้มที่ผ่านมาอย่างแท้จริง ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับเหล่าสวิฟตี้เป็นอย่างมากที่เทย์เลอร์ได้ฟาดเนื้อหาเพลงแนวประชดเสียดสีกับเรื่องความรักของเธอแบบไม่แคร์อะไรกับรักเก่าๆ ที่ผ่านมา และพร้อมออกล่าหาคนใหม่ทันที โดยเพลงนี้ทุบทุกสถิติด้วยยอดถล่มทลาย ทั้งขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100, มียอดสตรีมมิ่งถึง 8 ล้านครั้งบน Spotify ภายใน 24 ชั่วโมง และเป็นเพลงที่ใช้เวลาขึ้นที่ 1 บน US iTunes หลังจากปล่อยเพลงได้เพียง 30 นาทีเท่านั้น ด้วยเนื้อหาและดนตรีที่สร้างความมันส์และสนุกทุกครั้งที่ได้ฟัง เพลงนี้จึงยังคงเป็นเพลงที่เปิดบ่อยที่สุดตามปาร์ตี้ หรือเปิดฟังแก้เครียดให้มู้ดกลับมาอยากเต้นบ้าง ปัจจุบันยอดวิวเพลงนี้ในยูทูบจึงแตะยอด 1.3 พันล้านไปแล้วเรียบร้อย

 

 


ข้อมูล : Wikipedia, Billboard

WATCH

คีย์เวิร์ด: #TaylorSwift