หากพูดถึงแฟชั่นก็ต้องพูดถึงดนตรีไปพร้อมกัน นี่คือผลผลิตทางวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลจากสังคมแต่ละมุมทั่วโลก การสอดประสานกันระหว่าง 2 สิ่งคือกุญแจสำคัญในการถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์แฟชั่นออกมาได้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันเหล่าศิลปินก็ต่างเลือกแฟชั่นของตัวเอง ทั้งในรูปแบบเรียบง่ายไปจนถึงจัดจ้านโดดเด่น ครั้งนี้แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเกาะอังกฤษอย่าง Burberry เคยรังสรรค์โปรเจกต์ “Burberry Acoustic” ขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความสวยงามดนตรีอันสอดคล้องกับดอกไม้แฟชั่นที่ผลิบานอย่างต่อเนื่อง

     การสร้างแรงตระหนักรู้ผ่านดนตรี นอกจากการผสมผสานกันแล้วทั้ง 2 ด้านยังส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง โปรเจกต์ “Burberry Acoustic” นำเสนอผลงานเพลงของศิลปินสหราชอาณาจักรในรูปแบบการเล่นสดพร้อมทำนองฟังสบาย ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาฟังเพลงก่อนจะชื่นชมแฟชั่นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่คือการหยิบเอาวัฒนธรรมมาคลุกเคล้าและนำเสนอในรูปแบบที่ผู้คนต้องการ ใครกันจะไม่ชอบฟังเพลงเพลินๆ ไปพร้อมกับฉากสวยๆ และแฟชั่นที่เข้ากันได้อย่างลงตัว

     โปรเจกต์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2014 ในยุคที่เบอเบอร์รี่นำทัพโดย Christopher Bailey ดีไซเนอร์เชื้อสายอังกฤษขนานแท้ เขาส่งเสริมรากฐานวัฒนธรรมของบ้านเกิดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านดนตรีที่เขาใส่ใจถึงขนาดพาศิลปินท้องถิ่นหลายคนขึ้นแสดงร่วมบนรันเวย์อย่างสม่ำเสมอ เขาริเริ่มโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่ปี 2010 เรื่อยมาจนถึงปี 2014 เรียกว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่บนแพลตฟอร์มออนไลน์แรกๆ ที่แบรนด์ระดับนี้ทำอย่างสม่ำเสมอ คริสโตเฟอร์ไม่เพียงผลักดันแฟชั่นของตัวเอง แต่กำลังช่วยผลักดันเหล่าศิลปินบ้านเดียวกันให้มีโอกาสแสดงฝีมือต่อคนทั้งโลกโดยมีความเครดิตของเบอเบอร์รี่คอยสนับสนุน

     ผลตอบรับในโปรเจกต์เข้าขั้นดีมาก เพราะผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ชอบการเข้าถึงคอนเทนต์เรียบง่ายและไม่ยาวจนเกินไป การทำซีรี่ส์เล่นเพลงสบายๆ ชวนให้คนกดชมต่อเรื่อยๆ และมวลเสน่ห์อันคละคลุ้งไปทั่วเพลย์ลิสต์ก็ทำให้คนหวนกลับมาสนใจทั้งตัวเพลง ศิลปิน และแบรนด์อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งความสนใจเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นยอดความสนใจได้มากขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าคริสโตเฟอร์สร้างโปรเจกต์ที่สนับสนุนทั้งเรื่องวัฒนธรรมและการโฆษณาแบรนด์ไปในเวลาเดียวกันได้อย่างเหมาะสม

     อะไรที่ทำให้คนต้องมาคลิกชมคลิปวิดีโอของเบอเบอร์รี่ทั้งที่ศิลปินแต่ละคนก็ปล่อยเพลงในช่องทางของตัวเอง ต้องบอกว่าแนวทางจะถูกปรับให้ฟังง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของแฟชั่นที่เหมาะกับศิลปิน รวมถึงเป็นตัวอย่างในการแต่งตัวโดยใช้เสื้อผ้าของเบอเบอร์รี่ได้อย่างดี และที่สำคัญที่สุดคือเพลงในเวอร์ชั่นอคูสติกนี้จะอัดพิเศษเพื่อใช้ในโปรเจกต์นี้เท่านั้น ไม่สามารถหาฟังที่ไหนได้อีก คำว่า “เอ็กซ์คลูซีฟ” จึงเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้โปรเจกต์นี้พิเศษจนทุกคนต้องลองคลิกชมคลิปและฟังเพลงของศิลปินสักคนสักครั้ง ทั้งหมดนี้ผ่านกระบวนการคิดของคริสโตเฟอร์และทีมงานที่มุ่งเน้นในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างช่วงอายุคนล่าสุด (Gen Y ณ ขณะนั้น) ให้มาเชื่อมโยงกับมรดกทางวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและแบรนด์ ซึ่งแน่นอนว่าเสียงเพลงคือกาวชั้นดีที่ปะติดปะต่อสิ่งเหล่านี้ให้ชิดกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายที่โปรเจกต์นี้ไม่ได้ทำต่อแล้ว หากใครต้องการชมและฟังความยอดเยี่ยมของงานศิลปะที่ครั้งหนึ่งเคยครองใจสาวกแฟชั่นและดนตรี สามารถกลับไปฟังได้ที่ช่องยูทูบของแบรนด์