หากจะพูดถึงเรื่องราวของอุตสาหกรรมแฟชั่นในไทยคงต้องยอมรับว่าหลายๆ แบรนด์ต่างสร้างความประทับใจใหม่ๆ ให้เราได้เห็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ แบรนด์แฟชั่นเหล่านั้นต่างก็เตรียมตัวปล่อยคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลให้เหล่าสาวกของแบรนด์ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า แอ็กเซสเซอรี่ กระเป๋า รวมถึงเครื่องประดับและจิวเวลรี

    เช่นเดียวกับอีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติไทยที่น่าจับตามองอย่าง “CHATO STUDIO” แบรนด์ที่เติบโตและถูกต่อยอดมาจากธุรกิจโรงงานผลิตกระเป๋าซึ่งมีอายุมากถึง 34 ปี สร้างสรรค์ผลงานทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ นำโดย “เมย์-วัจณา เจริญสมสมัย” ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ ซึ่งกว่าจะมาเป็นแบรนด์นี้ได้นั้นคงต้องเล่าว่าคุณพ่อของเธอมีความชื่นชอบในคำว่า “Chato” อันมาจากคำว่า “Châteaux” ในภาษาฝรั่งเศสซึ่งมีความหมายว่า “ปราสาท” นำมารวมเข้ากับคำว่า “Studio” หรือห้องเล็กๆ ที่เมย์ใช้เป็นพื้นที่ในการสร้างสรรค์โลกของเธอผ่านความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอย่างอิสระ โดยเธอได้นำเอาเรื่องราวและความหลงใหลในการเดินทาง มาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นของไอเท็มแต่ละชิ้น ทำให้เกิดเป็นไอเท็มที่สามารถใช้งานได้จริง มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงเติบโตและก้าวไปในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้อย่างงดงาม

"เมย์-วัจณา เจริญสมสมัย” ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์เเละครอบครัว

     ในครั้งนี้ CHATO STUDIO ได้สร้างความประทับใจให้กับเหล่าสาวกของแบรนด์ให้ชมกันอีกครั้ง กับการรังสรรค์นิทรรศการ “The Dancing Water Exhibition” เนรมิตตึกไม้ที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ณ ย่านกรุงเก่า ให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงที่เต็มไปด้วยสีสัน เริ่มกันที่ชั้นแรกกับบริเวณหน้าทางเข้าที่มาพร้อมกับแบ็กดรอปสีชมพูสดใสตัดเข้ากับภาพของเมืองเก่าได้อย่างโดดเด่น เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ของงานที่ให้เหล่าแขกคนสำคัญได้มาถ่ายรูปและเช็กอินถึงการเดินทางมาเยือนสถานที่อันสำคัญนี้

     เมื่อก้าวเท้าเข้าประตูมาก็พบกับอีกหนึ่งจุดที่รวบรวมไว้ซึ่งผลงานการออกแบบต่างๆ ของแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหลากรุ่น ที่มาในสีสันสดใส ตลอดจนการถูกประดับด้วยวัสดุต่างๆ ที่ดึงดูดสายตาของคนในงานได้เป็นอย่างดี โดยบริเวณพื้นที่ชั้นหนึ่งยังจุดไฮไลต์ที่เราต้องพาไปชมกันถึง 3 จุด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณบันไดที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นฉากถ่ายรูปคู่กับกระเป๋าใบใหญ่ที่แฝงไปด้วยดีไซน์ของแบรนด์ได้อย่างเด่นชัด ถัดมากับจุดตั้งโชว์กระเป๋าลวดลายโมโนแกรมของแบรนด์สุดไอคอนิก พร้อมโชว์การเพนต์ลวดลายโมโนแกรมโดยศิลปินให้เราได้เห็นกันตลอดทั้งงาน และปิดท้ายโซนไฮไลต์ในชั้นแรกด้วยการจัดแสดงกระเป๋าใบต่างๆ ที่มาในวัสดุหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ผ้า และหนัง พร้อมสกรีนลายโมโนแกรมซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้

     เมื่อเดินชมทั่วบริเวณชั้นหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยก็เตรียมตัวขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงกระเป๋าและแอ็กเซสเซอรี่ชิ้นต่างๆ เช่น กระเป๋ารุ่น Bamba ที่มาในดีไซน์สะดุดตา ตลอดจนชิ้นงานไฟน์จิวเวลรีที่ได้รังสรรค์ร่วมกับแบรนด์สัญชาติไทยชื่อดังที่รอให้เราเดินทางเข้าไปสำรวจและสัมผัสอย่างใกล้ชิด

     เริ่มกันที่บริเวณโถงแรกของชั้นสองถูกสร้างสรรค์ให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงของกระเป๋ารุ่น “Bamba, The Dancing Elements” เรื่องราวของกระเป๋ารุ่นไอคอนิกที่นำเสนอผ่านจินตนาการของผิวน้ำที่กำลังเต้นระบำอยู่อย่างสง่างาม พร้อมแฝงไปด้วยดีเทลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหล่าแร่ธาตุต่างๆ ที่สอดประสานกันอยู่ในเนื้ออัญมณี เกิดเป็นผลงานประติมากรรมที่สามารถสวมใส่ได้ของกระเป๋ารุ่น Bamba สะท้อนภาพกระเป๋าที่เสมือนถูกแช่แข็งไว้เพื่อให้คงสภาพไว้ซึ่งความสง่างามให้อยู่ไปตลอดกาล

     ถัดมากับอีกหนึ่งห้องใหญ่ซึ่งนับเป็นพื้นที่หลักของงานนี้ กับห้องที่จัดแสดงชิ้นงานการออกแบบต่างๆ โดยยังคงคอนเซปต์ The Dancing Water ให้เราได้เห็น ตั้งแต่การจัดแสงให้ทั่วทั้งบริเวณชั้นสองอยู่ภายใต้ความมืด พร้อมฉายภาพโปรเจกเตอร์ของคลื่นน้ำที่กำลังพลิ้วไหว สะท้อนตัวตนรูปแบบใหม่ที่ CHATO STUDIO ตั้งใจนำเสนอ รวมถึงการนำเอาน้ำมาเป็นส่วนหนึ่งของอินสตอลเลชั่น สะท้อนภาพบรรยากาศจากแสงไฟเล็กน้อยให้เหล่าแขกคนสำคัญของงานได้มองเห็น โดยในห้องนี้มีโซนจัดแสดงด้วยกันถึง 4 จุด ตั้งแต่จุดแรกที่มีกระเป๋ารุ่น “Bamba” สีขาวสะอาดตา พร้อมด้วยงานดีไซน์ที่น่าสนใจ พร้อมรายละเอียดที่เข้ากันกับบรรยากาศได้อย่างลงตัว ถูกจัดวางไว้บริเวณมุมห้องเสมือนเป็นไอเท็มสำคัญที่คอยต้อนรับแขกของงานทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่พื้นที่แห่งนี้

     จากนั้นเมื่อหันไปมองด้านซ้ายมือ เราก็จะพบกับผลงานไฟน์จิวเวลรี ที่ถูกออกแบบโดยช่างฝีมือของ CHATO STUDIO หยิบเอาเหล่าอัญมณีรูปแบบต่างๆ ที่เป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มสีสันให้ธรรมชาติตั้งแต่แนวชายฝั่งปะการังไปจนถึงใต้ท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ ไข่มุก เพอริดอต และอเมทิสต์ มาบอกเล่าเรื่องราวของอัญมณีที่สอดคล้องไปกับแรงบันดาลใจของผืนน้ำอันเป็นหัวใจหลักของนิทรรศการในครั้งนี้ นำเสนอในรูปแบบจิวเวลรีและเครื่องประดับต่างๆ ทั้งสร้อยคอ ต่างหู แหวน และกำไล

     โซนถัดมากับอีกหนึ่งชิ้นงานจิวเวลรีคอลเล็กชั่น “Dancing Diamond” ครั้งแรกที่เรื่องราวของเพชรเม็ดงามเต็มไปด้วยถูกเจียระไนมาอย่างประณีต ประกอบเข้ากับทองคำ 18K ที่สร้างสรรค์เครื่องประดับในรูปแบบซิกเนเจอร์ที่ใช้ชื่อว่า “Calling Jewelry” มาในดีไซน์ที่สะท้อนถึงวลีสั้นๆ ของแบรนด์อย่าง “ปั้นน้ำเป็นทอง” เกิดเป็นกระเป๋ารูปลักษณ์สะดุดตาที่เสมือนกับหยดน้ำที่ถูกหยุดเวลาเอาไว้ พร้อมประดับด้วยเพชรหลากหลายเม็ดที่สะท้อนแสงระยิบระยับดุจพื้นน้ำยามถูกแสงตกกระทบ

     ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งโซนจัดแสดงของงานกับผลงานการคอแลบอเรชั่นกับแบรนด์จิวเวลรีสัญชาติไทยอย่าง “Sarran” ร่วมรังสรรค์กระเป๋าใบเล็กแต่เปี่ยมล้นไปด้วยรายละเอียดจนกลายเป็นหนึ่งชิ้นงานศิลปะที่ทรงคุณค่านำเสนอผ่านคอลเล็กชั่น “Taralli, The Dancing Water : Chato Studio x ศรัณญ อยู่คงดี” กระเป๋าที่บอกเล่าเรื่องราวคุณค่าของน้ำในอนาคต ที่สะท้อนภาพวัสดุอย่างทองคำอันเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงในปัจจุบัน ออกแบบในลวดลายวงน้ำกระเพื่อมแต่ให้ความรู้สึกสงบนิ่งและอิสระ ท่ามกลางการอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในธรรมชาติ

     นิทรรศการในครั้งนี้ของ CHATO STUDIO ยังพบกับเหล่าแขกคนสำคัญของงานตั้งแต่ระดับแนวหน้าของวงการอย่าง เจนี่-อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร, เจฟ ซาเตอร์, มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง, โบว์-เมลดา สุศรี, ฟ้า-ยงรวี อนิลบล และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้มาร่วมฉลองกับการเปิดนิทรรศการ รวมถึงไอเท็มชิ้นต่างๆ ที่ทางแบรนด์นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ซี่งในค่ำคืนนั้น CHATO STUDIO ยังได้เตรียมเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าแขกคนสำคัญกับเหล่าคาราวานรถตุ๊กตุ๊ก ที่จัดเตรียมให้กลายเป็นจุดถ่ายรูปท่ามกลางบรรยากาศอันครึกครื้นของในยามค่ำคืนของย่านนี้ และนับเป็นการเตรียมพร้อมออกเดินทางสู่ร้านอาหารเพื่อร่วมดินเนอร์กับแบรนด์ในช่วงเวลาอันแสนพิเศษนี้