ปารีสแฟชั่นวีกมักจบลงอย่างสวยงามด้วยโชว์ของ Louis Vuitton ตารางโชว์จบลงเช่นนี้มานานหลายปี และทุกคนทั่วโลกก็ต่างคิดว่านี่คือโชว์ปิดท้ายเสมอ ทว่าในความเป็นจริงตารางปารีสแฟชั่นวีกยังคงมีแบรนด์ต่อยอดหลุยส์ วิตตองอีกพอสมควร ซึ่งแบรนด์ที่ปิดท้ายตารางสุดท้ายเลยคือแบรนด์ชื่อว่า XULY.Bët เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่คุ้นหูกับแบรนด์นี้อย่างแน่นอน และยิ่งในโลกยุคปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิทัล แบรนด์เองก็ไม่ได้นำเสนอแบบฉับไว อีกทั้งยังจัดโชว์แบบ “Private” เสมอด้วย วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันว่าแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสแบรนด์นี้คือแบรนด์อะไรกันแน่

Lamine Kouyaté ผู้ก่อตั้งแบรนด์ XULY.Bët / ภาพ: Zimbio

     แค่ชื่อแบรนด์นี้ก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครแล้ว XULY.Bët คือคำจากภาษาโวลอฟ หรือภาษาท้องถิ่นแถบแอฟริกาตะวันตก ครอบคลุมวัฒนธรรมประเทศเซเนกัล แกมเบีย และมอริเตเนีย รวมถึงหลายพื้นที่ย่อยในประเทศแถบนี้ ซึ่ง Lamine Kouyaté คือชาวมาลีที่อพยพมาจากประเทศมาลีสู่กรุงปารีส เขาจึงนำคำจากภาษาท้องถิ่นที่หมายถึงวลี “Keep your eyes open” มาใช้เป็นรากฐานในการสร้างสรรค์แบรนด์ โดยลามีนตั้งแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งถือว่าไม่ใช่แบรนด์หน้าใหม่อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ

ผลงานการออกแบบอันโดดเด่นด้วยการปรับสัดส่วนและสไตลิ่งของ Lamine Kouyaté แบรนด์ XULY.Bët / ภาพ: XULY.Bët

     ชีวิตของลามีนคลุกคลีอยู่กับงานศิลปะและการออกแบบอยู่เสมอ เขาศึกษาด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในเมืองสตราส์บูร์ก และหลงรักแฟชั่นสไตล์ปาริเซียงเป็นชีวิตจิตใจ เขาจึงตัดสินใจย้ายเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อเริ่มต้นชีวิตเส้นทางการเป็นดีไซเนอร์อย่างจริงจัง จุดมุ่งหมายหลักคือการนำเสนอแฟชั่นที่ตนชื่นชอบภายใต้แนวคิดความยั่งยืนที่โมเดิร์นและเปิดอิสระให้กับหญิงสาวได้พบกับความอิสระ กลิ่นอายความขบถเล็กๆ ประกอบกับวิธีการใช้สีสันจึงกลายเป็นส่วนสำคัญควบคู่กับการใช้วัสดุที่สนองความต้องการเรื่องความยั่งยืนตามแนวคิดของลามีน

การนำเสนอโชว์แฟชั่นของแบรนด์ XULY.Bët ที่เต็มไปด้วยสีสันและงานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร / ภาพ: XULY.Bët

     อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศแถบแอฟริกาหลายประเทศเผชิญกับความแร้นแค้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ แฟชั่นของพวกเขาจึงผนวกเอาเรื่องวัฒนธรรมมาผสมผสานกับการใช้วัสดุเหลือใช้ ซึ่งมุมมองของลามีนมองว่านี่คือความโดดเด่นที่สะท้อนรากเหง้าของตัวเขาเอง พร้อมกับนำเสนอแนวทางแฟชั่นในแบบที่ต้องการ แบรนด์ชื่อภาษาโวลอฟจึงนำวัสดุรีไซเคิลมาสร้างสรรค์แฟชั่นรูปแบบใหม่ อีกทั้งยังตัดแต่งผ้าเหลือใช้เพื่อนำมาขึ้นทรง ตัดเย็บ และดัดแปลงจนเกิดเป็นชิ้นงานที่สะดุดตา สิ่งเหล่านี้นำไปสู่แฟชั่นแสนจัดจ้านของแบรนด์ เพราะการนำวัสดุธรรมดามาเปลี่ยนเป็นผลงานศิลปะคือสิ่งใหม่และปัจจุบันมันก็กลายเป็นเทรนด์ไปเรียบร้อยแล้ว

XULY.Bët เบิกร่องการทำคอแลบอเรชั่นกับแบรนด์กีฬาอย่าง Puma ในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 1997 / ภาพ: Condé Nast Archive

     เมื่อแฟชั่นไม่ต้องอยู่ในกรอบนิยามแบบเดิมๆ นอกจากจะนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างคุณค่าแล้ว ลามีนยังปรับมุมมองเกี่ยวกับคำจำกัดความของสิ่งต่างๆ เขานำไอเท็มหลายชิ้นมาดัดแปลง ไม่ว่าจะเป็นการนำชุดเดรสมาทำกระโปรง หรือหยิบเสื้อสเวตเตอร์มาตัดเย็บใหม่จนเกิดเป็นชุดเดรสของผู้หญิง และมีอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาพร้อมทำลายคำนิยามของไอเท็มแฟชั่นเพื่อสรรสร้างความแปลกใหม่ ความโดดเด่นเหล่านี้ยังคงรักษาชื่อ XULY.Bët ให้รั้งอยู่ในสารบบแฟชั่น แม้อาจไม่ได้โด่งดังเป็นพลุแตก แต่เขาก็ทำแบรนด์ยืนหยัดมาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ และชื่อของแบรนด์ยังคงอยู่ในลิสต์ปารีสแฟชั่นวีกเสมอมา อีกทั้งฤดูกาลหลังๆ มานี้แบรนด์ยังเป็นคิวสุดท้ายของตาราง เราทุกคนสามารถเรียกว่านี่คือแบรนด์ปิดปารีสแฟชั่นวีกได้อย่างเต็มปาก