จากกระแสนิยมของ Chat GPT ทำให้เราทุกคนได้เห็นว่า นอกจากช่วงความทรงจำที่หล่นหายไปกว่า 2 ปี อีกหนึ่งสิ่งที่การแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ก็เห็นจะหนีไม่พ้นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของโลก Metaverse เพื่อหลีกหนีโลกจริงในเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมศิลปะและแฟชั่นที่โอบรับเอาไว้โดยทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ไล่เรียงมาตั้งแต่การถ่ายทำแฟชั่นเซ็ตของสื่อแฟชั่น ที่เลือกหยิบเอาส่วนผสมของโลกเสมือนจริงมาใส่เอาไว้ในแฟชั่นเซ็ตกันถ้วนหน้า เรื่อยไปจนถึงแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรีชื่อดังที่กระโจนเข้าวงการ NFT กันเป็นว่าเล่น สร้างไอเท็มสินค้าเสมือนจริงให้เหล่าสาวกได้เข้าไปช็อปปิ้งกันในโลกเสมือนจริง พร้อมทำงานร่วมกับแบรนด์เกมมิ่งชื่อดังอีกมากมาย จนกลายเป็นอีกหนึ่งก้าวที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมแฟชั่นและศิลปะ

     การถือกำเนิดของเมตาเวิร์สในช่วงของโรคระบาดนั้นเอง ที่นำมาสู่สิ่งที่ลึกล้ำกว่าอย่าง Artificial Intelligence หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า AI ที่แม้ว่าคนแฟชั่นหลายคนจะออกอาการแอนตี้สุดซอย ไม่อยากจะยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังรุดหน้ารุกล้ำพื้นที่โลกแฟชั่นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความจริงก็คือความจริง หลายภาคส่วนในโลกแฟชั่นล้วนเริ่มปรับตัวเพื่อต่อรองทำงานกับปัญญาประดิษฐ์อย่างแยบยล ดังที่เราได้เห็นแบรนด์แฟชั่นเริ่มประยุกต์ใช้ AI ในแฟชั่นแคมเปญของตัวเองกันอย่างคึกคักในช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Casablanca กับแฟชั่นแคมเปญคอลเล็กชั่น ‘Futuro Optimisto’ ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2023 ที่ถูกเจเนอเรตด้วยปัญญาประดิษฐ์ทั้งสิ้น หรือแม้แต่ทีม Moncler Genius เองก็ตาม ที่ได้เผยแฟชั่นแคมเปญเอไอออกมาให้เหล่าคนแฟชั่นได้เซอร์ไพรส์ไปตามๆ กัน รวมไปถึง Iris Van Herpen ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์แฟชั่นแคมเปญคอลเล็กชั่น ‘Architechtonics’ เพื่อสะท้อนภาพของสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมเหนือชั้นกว่าที่มนุษย์ในโลกจริงจะจินตนาการได้ หรือแม้แต่แบรนด์ Vaquera ที่เคยสร้างความสับสนให้กับโลกจริงมาแล้ว เมื่อครั้งสร้างสรรค์ผลงานชุดเสมือนจริงจากปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้เดินงาน MET Gala ปลอมๆ จนกลายเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง

     ไม่เพียงแค่แฟชั่นแคมเปญของแบรนด์แฟชั่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังผลงานแฟชั่นแคมเปญปัญญาประดิษฐ์ของหลายแบรนด์แฟชั่นอย่าง Maison Meta ซึ่งนิยามตัวเองว่า เป็นเอไอสตูดิโอเจเนอเรชั่นแรกสุด เพื่อรองรับความต้องการของแบรนด์ดังทั่วโลก และใครก็ตามที่ต้องการมีพื้นที่ในโลกดิจิทัล ที่มีผลงานบนบัญชีอินสตาแกรม @maison.meta ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลงานสร้างสรรค์จากปัญญาประดิษฐ์จำนวนมาก รวมไปถึงแฟชั่นแคมเปญของทีม Moncler Genius ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นอีกด้วย

     ปัญญาประดิษฐ์สำคัญแค่ไหนในโลกแฟชั่น...เห็นได้จากปรากฏการณ์การถือกำเนิดของ AI FASHION WEEK ประจำปี 2023 แฟชั่นวีกที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ที่มีทั้งศิลปินและดีไซเนอร์สายดิจิทัลเข้าร่วมกว่า 133 ชีวิต ก็คงจะพอเป็นคำตอบได้แล้วว่า โลกจริงและโลกเสมือนจริงคงโคจรมาบรรจบกันในอีกไม่ช้านี้ อนึ่ง ใครต่างก็ทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นคืออุตสาหกรรมที่เป็นพิษต่อระบบนิเวศเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แม้ว่าคนในแวดวงการแฟชั่นจะพยายามโอ้อวดว่าตนนั้นโอบกอดคอนเซปต์ Sustainability แน่นแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังมีจุดบอดอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือจำนวนการผลิตแฟชั่นไอเท็มในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีมากถึง 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งกลายเป็นขยะมากกว่าครึ่ง และมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกนำกลับไปรีไซเคิลและผ่านกระบวนการผลิตซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นการมาถึงของ AI FASHION WEEK 2023 จึงเสมือนเป็นอีกหนึ่งหนทางในการลดปริมาณการผลิตแฟชั่นไอเท็มจริง และเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนที่คุยโวกันนักหนาจริงๆ เสียที

     แม้ว่าหลายคนจะยังคงวนเวียนอยู่ในภวังค์ของปกรณัมหลอนที่ว่า “ปัญญาประดิษฐ์จะมาแย่งงานมนุษย์” จนไม่เป็นอันทำอะไร กระทั่งไม่แม้แต่จะปรับตัวเองให้เป็นไปตามกระแสโลก ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ปัญญาประดิษฐ์ตัวเดียวกันนี้เองก็อาจจะสร้างประโยชน์มากมายให้กับมวลมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโลกแฟชั่น เฉกเช่นที่ Conde Nast College of Fashion and Design ได้ทำนายเอาไว้ว่า การเข้ามามีบทบาทเพิ่มเติมมากขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ในปี 2024 จะนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนและผลกระทบอันหลากหลายต่ออุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็น การบรรลุเป้าประสงค์ด้านความพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหญ่อย่างคนเจน Z ที่กว่า 75 เปอร์เซ็นต์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่โลกแฟชั่นก็ต้องแลกมาด้วยการถกเถียงในประเด็นเรื่อง “โลกจริง” มากยิ่งขึ้น แต่การรุกคืบเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ก็ยังทำให้การทำงานของผู้คนในวงการสร้างสรรค์นั้นรุดหน้าอย่างรวดเร็วไปอีกขั้น เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองให้เท่าทันปัญญาประดิษฐ์และกระแสโลก ซึ่งนั่นหมายรวมถึงการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นเป็นเท่าตัวด้วยเช่นกัน และนอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องการทำงานร่วมกันของงานถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ตที่อาจจะมีสัดส่วนของการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ที่สูงขึ้น นำไปสู่การคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นที่จะได้รับการคำนวณอย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น จากข้อมูลที่มีอยู่ลจำนวนมหาศาลที่คนแฟชั่นไม่อาจคำนวณได้ภายในเวลาเพียงเสี้ยวนาที นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องรับมือ เมื่อปัญญาประดิษฐ์เริ่มเล่นเกมในโลกแฟชั่น