VOGUE HISTORY | ย้อนโชว์กูตูร์ Dior ครั้งสุดท้ายของ John Galliano ก่อนสังเวยปมประเด็นร้อน

     จากข่าวการโบกมือลาตำแหน่งหัวเรือใหญ่ Dior ของ Maria Grazia Chiuri ทำให้เกิดกระสือข่าวลืออันยิ่งใหญ่ของโลกแฟชั่นว่าดีไซเนอร์ระดับตำนานอาจกลับหวนคืนตำแหน่งที่เคยสร้างเกียรติประวัติและเรื่องราวในความทรงจำให้คนแฟชั่นทั่วโลก ชื่อ ‘John Galliano’ กลายเป็นตัวเต็งและถือเป็นดีไซเนอร์ที่แฟนๆ ต้องการให้หวนคืนวงการมากที่สุด #VOGUEHISTORY ครั้งนี้จึงจะพาไปสำรวจห้วงสุดท้ายเมื่อครั้งที่เขายังกุมบังเหียนดิออร์และสรรสร้างผลงานโอตกูตูร์ในแบบที่ตอนนี้คนกำลังถวิลหา
 

     เสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับแนวทางแฟชั่นดิออร์ที่อาจเล่าเรื่องราวและสรรสร้างผลงานที่ไม่ตอบโจทย์ความสร้างสรรค์และน่าตื่นเต้น (แต่อาจตอบโจทย์ในเชิงธุรกิจ) ทำให้เกิดความโหยหารูปแบบแฟชั่นที่จัดจ้านและมีความน่าตื่นเต้นในทุกๆ โชว์ จอห์ถือเป็นดีไซเนอร์ที่เสิร์ฟแฟชั่นจานร้อนแบบนี้ให้กับวงการอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมัยที่คุมความสร้างสรรค์ ณ ดิออร์ ทว่าข่าวคราวเรื่องประเด็นการเหยียดชาติพันธุ์ร้อนแรงเกินกว่าเขาจะมีพื้นที่ยืน ไม่ใช่แค่เพียงแต่วงการแฟชั่น แต่หมายถึงในสังคมเลยทีเดียว (อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ ที่นี่) ผลงานโอตกูตูร์ส่งท้ายกับดิออร์จึงเป็นคอลเล็กชั่นที่ปิดฉากเส้นทางของเขาโดยไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะไม่ได้สรรสร้างแฟชั่นตัดเย็บชั้นสูงภายใต้ร่มเงาของดิออร์อีกแล้ว (ในขณะนั้น)

    ย้อนกลับไปช่วงเดือนมกราคม 2011 โลกแฟชั่นยังคงคึกคัก แฟชั่นระดับโอตกูตูร์ยังเป็นผลงานศิลปะชั้นสูงที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ชื่อของจอห์นยังคงเป็นสุดยอดดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าที่ทุกคนพูดถึง ตลอดระยะเวลานานกว่า 16 ปีที่เขาเนรมิตผลงานศิลปะทั้งในรูปแบบเรดี้ทูแวร์และโอตกูตูร์ เขาสร้างตำนานหลายบทให้เกิดขึ้นพร้อมภาพจำเกี่ยวกับแฟชั่นดิออร์ของคนในช่วงวัยของคนยุคหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นยังไม่มีเหตุการณ์น่าตกใจและประเด็นร้อนแรงเกิดขึ้น ผู้คนทั่วโลกต่างจับจ้องการนำเสนอผลงานระดับมาสเตอร์พีซของจอห์นอีกครั้งบนรันเวย์ในช่วงโอตกูตูร์แฟชั่นวีก ท่ามกลางบรรยากาศแฟชั่นวีกอันหนาวเหน็บ แต่เชื่อว่าปารีสพร้อมส่องสว่างและมีไฟแฟชั่นที่ลุกโชนทุกครั้งที่จอห์นนำเสนอผลงานครั้งใหม่

     โชว์ช่วงปลายเดือนมกราคม 2011 กับคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2011 ที่ภายหลังจะเป็นโชว์ส่งท้ายของเขาโดดเด่นอย่างมากในการเลือกสรรงานศิลปะของ René Gruau ผู้ร่วมสรรสร้างผลงานกับเมซงมาเป็นเวลานาน และถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของเสื้อผ้าโอตกูตูร์ที่สะท้อนถึงความเรืองรองของแฟชั่นโอตกูตูร์ที่หมายถึงเสื้อผ้าชั้นสูงอย่างแท้จริง ผลงานในครั้งนั้นใช้เทคนิคการเอฟเฟกต์เพื่อเล่นรับกับแสงและเงาอย่างเข้มข้น การไล่สีที่เหมือนงานศิลปะของเรเน่ รวมถึงศิลปะภาพถ่ายแฟชั่นโอตกูตูร์โดย Irving Penn นอกจากนี้จอห์นยังเลือกใช้เทคนิคซับซ้อนในการซ้อนเรียงเนื้อผ้าทูลเพื่อจำลองการไล่ระดับสีและแสงเงา แม้จะมีวิธีการเพนต์มืออันเป็นทางเลือกที่เรียบง่ายกว่าให้เลือกก็ตาม ชุดทรงดินสอ ชุดราตรีสำหรับงานกลางคืน เรื่อยไปจนถึงชุดเสื้อและกระโปรงเข้าชุดต่างนำเสนอมิติของสีสันและความลื่นไหลของสีและรูปทรงอย่างมีมิติ นับเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์โดยจอห์น กัลเลียโนที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ซึ่งนี่อาจไม่ใช่โชว์ที่ยิ่งใหญ่ น่าตื่นเต้น หรือตระการตาที่สุด
 

     “ฉากสุดท้ายบนเส้นทางโอตกูตูร์กับดิออร์” โมเมนต์ดังกล่าวไม่ได้เต็มไปด้วยบันทึกแห่งความเศร้าโศก เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนประเด็นละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน สาวกแฟชั่นจึงเห็นจอห์นปรากฏตัวในช่วงสุดท้ายของโชว์พร้อมกับแจ็กเก็ตและกางเกงสีดำสลับแดงเข้าชุดกัน มาพร้อมท่าทางเคร่งขรึม ก่อนจะโพสต์ท่าจัดจ้านมั่นใจในสไตล์ของเขาเต็มรูปแบบ ผ้าพันคอสีแดงวันนั้นสะบัดอ่อนๆ ดึงดูดเป็นจุดโฟกัส ก่อนเขาจะรับรสความสำเร็จกับเสียงปรบมือกึกก้องและเดินเข้าหลังฉากไป ใครจะรู้ว่านั่นคือโมเมนต์สุดท้ายในฐานะผู้สรรสร้างคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ของดิออร์ และปิดฉากยุคสมัยอันเรืองรองไปอย่างน่าเจ็บปวดในเวลาเพียงไม่กี่เดือน วันนี้เมื่อตำแหน่งผู้กุมบังเหียนดิออร์ว่างลงอีกครั้ง ดีไซเนอร์อย่างจอห์นอาจหวนคืนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่ และชุบโลกด้านหวือหวาของเมซงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อเขาเป็นตัวเต็งอันดับต้นๆ ติดตามกันต่อไปว่าความหวังของใครหลายคนที่อยากเห็นเขาเนรมิตแฟชั่นโอตกูตูร์หรือแม้กระทั่งเรดี้ทูแวร์สำหรับดิออร์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และถ้าใช่เขายังจะรักษามาตรฐานและเรียกศรัทธาดั่งยุครุ่งเรืองอย่างไรนับจากนี้ สาวกแฟชั่นห้ามพลาดติดตามเด็ดขาด

(สามารถอ่านเรื่องราว VOGUE HISTORY ตอนล่าสุดได้กับบทความ VOGUE HISTORY | ย้อนรอยการเมืองบนพรมแดงเมืองคานส์ เมื่อผู้หญิง 82 คนต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม)