Punn Istituto Marangoni London

FASHION

พูดคุยกับ 'ปัณณ์ วีระไวทยะ' ผลผลิตชาวไทยจาก Istituto Marangoni London สู่ดีไซเนอร์ระดับโลก

โว้กประเทศไทยพูดคุยกับ 'ปัณณ์ วีระไวทยะ' หนึ่งในนักเรียนไทยที่ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมสุดเข้มข้นในรั้ว Isituto Marangoni London และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับเลือกให้แสดงคอลเล็กชั่นบนรันเวย์จบการศึกษา

โดย Vogue Thailand
21 กรกฎาคม 2568

"นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับโลกแห่งแฟชั่นจริงๆ ผมรู้สึกว่าประสบการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างคอนเน็กชั่นกับคนในอุตสาหกรรมอีกด้วย"

 

Istituto Marangoni สถาบันสอนด้านแฟชั่น ศิลปะ และการออกแบบชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของโลก โดยถูกจัดให้อยู่ 10 อันดับแรกของสถาบันแฟชั่นที่ดีที่สุดในโลก ก่อตั้งครั้งแรกในปี 1935 มิลาน ประเทศอิตาลี สถาบันที่เป็นดั่งความฝันของผู้ที่อยากจะก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ว่าจะดีไซเนอร์ สไตลิสต์ หรือนักธุรกิจแวดวงแฟชั่น ตลอดระยะเวลากว่า 90 ปี Istituto Marangoni การันตีความสำเร็จผ่านผลผลิตระดับโลกอย่างดีไซเนอร์ชื่อดังหลายคน อาทิ Franco Moschino, Dario Vitare, Alessandro Sartori, Domenico Dolce และอีกมากมาย ซึ่งนอกจากประสบการณ์แล้ว สถาบันนี้ยังมอบโอกาสรวมไปถึงคอนเน็กชั่นจากบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก หรือแม้แต่การร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลก อาทิ การเข้าฝึกงานกับแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง GIORGIO ARMANI, Bottega Veneta, Vivien Westwood หรือการเข้าร่วมทำงานกับ Dior, CHANEL, Yves Saint Laurent หรือ Hermès เป็นต้น ปัจจุบัน Istituto Marangoni ได้ขยายวิทยาเขตไปยังหมุดหมายเมืองแฟชั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปารีส เซี่ยงไฮ้ ฟลอเรนซ์ ไมแอมี มุมไบ ดูไบ หรือแม้แต่ลอนดอน โดยแต่ละที่ต่างเปี่ยมไปด้วยอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์ในแบบฉบับท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งหนึ่งในวิทยาเขตน่าสนใจคงหนีไม่พ้น Istituto Marangoni London

 

 

ท่ามกลางมหานครลอนดอนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์และวัฒนธรรมแฟชั่นระดับโลก Istituto Marangoni London ได้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันจะเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก สถาบันแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในวิทยาเขตของสถาบันแฟชั่นชั้นนำจากประเทศอิตาลี ที่ผสมผสานการเรียนการสอนเชิงสร้างสรรค์เข้ากับแนวคิดทางธุรกิจอย่างลึกซึ้ง โดยเปิดโอกาสให้เหล่าผู้ศึกษาได้ฝึกฝน ขัดเกลาทักษะ และผลักดันศักยภาพของตนเองให้ก้าวสู่มาตราฐานระดับโลก โว้กประเทศไทยพูดคุยกับ ‘ปัณณ์ วีระไวทยะ’ หนึ่งในนักเรียนไทยที่ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมอันเข้มข้นนี้ ถึงช่วงเวลาในรั้ว Istituto Marangoni London ปลุกปั้นผลงานเฉพาะตัวและเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับเลือกให้นำเสนอคอลเล็กชั่นบนรันเวย์จบการศึกษาของสถาบัน

 

VOGUE: ช่วยเล่าถึงเส้นทางที่ Istituto Marangoni London และประสบการณ์นี้ได้หล่อหลอมคุณในฐานะดีไซเนอร์อย่างไรบ้าง?

PUNN: ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนที่ Istituto Marangoni London ผมรู้ได้ทันทีว่าเลือกเส้นทางที่ถูกต้องในการเดินตามความฝันในวงการแฟชั่น ผมเข้ามาพร้อมกับทักษะพื้นฐานด้านการออกแบบและแทบไม่มีความรู้เรื่องการสร้างแพตเทิร์นเลย แต่บรรยากาศที่นี่เป็นกันเองมาก โดยเฉพาะผมที่เป็นมือใหม่อย่างแท้จริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมสามารถพัฒนาทักษะทั้งด้านการออกแบบและการสร้างแพตเทิร์นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้สามารถเนรมิตผลงานการออกแบบให้เป็นจริงได้ เมื่อมองย้อนกลับไปผมรู้สึกประหลาดใจมากที่สามารถสร้างสรรค์เสื้อผ้าจริงจากแบบที่ผมเองก็ยังนึกภาพไม่ออกเมื่อหลายปีก่อน

 

V: คุณเป็นหนึ่งในสิบนักเรียนที่ได้รับเลือกให้นำเสนอผลงานในแฟชั่นโชว์ของ Istituto Marangoni อันทรงเกียรติ รู้สึกอย่างไรต่อช่วงเวลานั้น และคุณคิดว่าอะไรทำให้คุณได้รับเลือก

P: ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้ร่วมแสดงผลงานคอลเล็กชั่นจบศึกษาให้กับ Istituto Marangoni London จริงๆ ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะมีโอกาสแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้จัดแสดงผลงานของตัวเองต่อสาธาณชน ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมงานไปจนถึงวันโชว์ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับผมตลอดกระบวนการคือความตื่นเต้น ความอยากรู้อยากเห็น และความปรารถนาที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป ผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ผมได้รับเลือกเข้าร่วมจัดแสดงครั้งนั้นเป็นเพราะแนวทางการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ และรายละเอียดต่างๆ ที่ได้ใส่ลงไปในเสื้อผ้า

 

V: อะไรคือแรงบันดาลใจเบื้องหลังคอลเล็กชั่นที่นำเสนอ และคุณต้องการที่จะสื่อสารข้อความหรือความงามแบบใดผ่านผลงานนี้?

P: คอลเล็กชั่นจบการศึกษาของผมมีขื่อว่า ‘SINGULARITY’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมหลงใหลมาก โดยมีจุดมุ่งหมายคือการถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถแต่ละคันในวัฒนธรรมนี้ เนื่องจากญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการดัดแปลงและตกแต่งรถยนต์อันสะท้อนถึงเอกลักษณ์และบุคลิกเฉพาะตัวของเจ้าของรถผ่านรถยนต์แต่ละคัน  จึงเกิดเป็นแนวคิด ‘SINGULARITY’ หรือความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

ในคอลเล็กชั่นนี้ผมไม่ได้ต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่หยิบเอาดีไซน์ของรถยนต์หรือวัฒนธรรมรถยนต์ที่มีอยู่แล้วของญี่ปุ่นมาสร้างสรรค์ใหม่ แต่ต้องการเจาะลึกถึงรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือการแข่งรถ ผมต้องการสร้างสรรค์ผลงานที่ลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน ทำให้ผมมีโอกาสได้ศึกษารายละเอียดปลีกย่อยทั้งใหญ่และเล็กเกี่ยวกับรถยนต์เหล่านี้ ซึ่งพบว่ามันน่าสนใจมากและยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานออกแบบของผม อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นนี้ขึ้นมาผมยังมองไปถึงชุดแข่ง วิศวกรรม ชุดทำงาน และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ผมยังนำวัสดุและองค์ประกอบต่างๆ ที่มีการใช้ในรถยนต์จริงๆ มาผสมผสานกับการออกแบบ เช่น สายรัดนิรภัยแบบ 4 จุดสำหรับรถแข่ง เข็มขัดนิรภัย ผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ ผ้าทอคาร์บอนไฟเบอร์ ผ้าคลุมรถ ถุงมือ และแผ่นสะท้อนแสง เช่นเดียวกับรถยนต์ที่ถูกแยกชิ้นส่วนเพื่อดัดแปลง ผมใช้แนวทางเดียวกันในการถอดแบบและดัดแปลงเสื้อผ้าของผมเอง

 

V: การได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนจากคณาจารย์ในสถาบันมีผลต่อกระบวนการสร้างสรรค์และการเตรียมตัวสำหรับโชว์อย่างไรบ้าง?

P: เมื่อเป็นงานออกแบบของตัวเองบางครั้งเราจะเห็นรายละเอียดและข้อบกพร่องมากกว่า แต่ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ก็จะมองเห็นในสิ่งที่คุณมองไม่เห็น ไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือไม่ดี นี่คือบทบาทที่แท้จริงของการให้คำปรึกษาและการได้รับการสนับสนุน ผมได้รับคำแนะนำและฟีดแบคที่มีประโยชน์จากอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งมีส่วนช่วยให้ผมพัฒนาทักษะและผลงานให้ดีขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เรียน ทำให้ผมสามารถออกแบบได้อย่างอิสระและประณีตมากขึ้น รวมทั้งยังเข้าใจถึงวิธีการตัดเย็บแบบแพตเทิร์นว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าจริงได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานโชว์จบการศึกษาของสถาบันที่เสื้อผ้าทุกชิ้นต้องได้รับการยกระดับให้ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากที่สุด

 

 

V: โอกาสนี้ส่งผลต่ออาชีพหรือต่อการเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมแฟชั่นของคุณอย่างไร? และในฐานะดีไซเนอร์ชาวไทยบนเวทีนานาชาติคุณมีแผนอะไรต่อไปในอนาคต?

P: ในวันโชว์มีสื่อมวลชนและคนในวงการเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทำให้นักเรียนทุกคนรวมถึงตัวผมเองได้รับโอกาสในการเป็นที่รู้จัก สำหรับพวกเราหลายคน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับโลกแห่งแฟชั่นจริงๆ ผมรู้สึกว่าประสบการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างคอนเน็กชั่นกับคนในอุตสาหกรรมอีกด้วย

ในฐานะดีไซเนอร์ชาวไทยและนักเรียนต่างชาติ ผมรู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติมากที่ได้รับโอกาสแสดงผลงานในงานจบการศึกษาของ Istituto Marangoni London ตอนนี้ผมกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้าน Luxury & Fashion Brand Management ที่สถาบันเดียวกัน เพื่อให้เข้าใจวงการแฟชั่นในมุมมองที่กว้างชึ้น

และในอนาคตอันใกล้นี้ ผมวางแผนที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการฝึกงานและการทำงานเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องก่อนจะก้าวไปสู่เป้าหมายสูงสุดอย่างการสร้างแบรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเอง ผมเชื่อมั่นว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นผมจะไม่หยุดสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง พยายามทดลองสิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตัวเองในฐานะดีไซเนอร์ตลอดเส้นทางอาชีพ

 

Istituto Marangoni London ร่วมกับโว้กประเทศไทยมีความภูมิใจที่จะเปิดโอกาสรับทุนการศึกษาสำหรับผู้มีความสร้างสรรค์รุ่นใหม่ที่พร้อมสร้างชื่อเสียงบนเวทีแฟชั่นระดับโลก หากคุณมีความหลงใหลในธุรกิจแฟชั่น การออกแบบแฟชั่น หรือการสไตลิ่งแฟชั่นนี่คือโอกาสของคุณ เลือกเส้นทางของคุณได้ทั้งระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท ร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ วิสัยทัศน์ และศักยภาพของคุณ เพียงอัปโหลดผลงานได้ ที่นี่

 

Photo: Courtesy of Istituto Marangoni London