Vogue Thailand

FASHION

รู้จัก 'เมาดอกไม้' แบรนด์ไทยที่ใส่ใจเรื่อง Sustainability กับไอเดียยีนส์ไซส์หายากและเสื้อผ้าวินเทจ

“ออกแบบสำหรับเรา…นอกจากความสวยงามมันต้องคำนึงด้วยว่าเราต้องการจะสื่ออะไร เปลี่ยนแปลงอะไร และมีมุมมองอย่างไร” แจ๊ค - ธนดล พลธนาภัส เจ้าของแบรนด์ Maodokmai กล่าวเอาไว้กับโว้กเช่นนั้น

โดย Vogue Thailand
25 สิงหาคม 2564

     การทำแบรนด์แฟชั่นให้ประสบความสำเร็จติดตลาดในโลกออนไลน์ในตอนนี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายความสามารถของคนทำแบรนด์พอสมควร เพราะทั้งผู้ลงสนามหน้าใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมทั้งราคาที่ขับเคี่ยวแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ที่มีราคา “ซื้อง่ายขายคล่อง” ถึงแม้อาจจะดูว่าขายได้ง่าย แต่อย่าลืมว่าก็มีคู่แข่งเป็นโขยงเช่นกัน โดยเฉพาะในภาวะที่การแข่งขันดุเดือดเช่นนี้ กลับมีแบรนด์ไทยที่สามารถก้าวเดินได้อย่างแข็งแรง ผ่านสินค้าที่เรียกว่า “หายาก” และไม่ใช่แค่ “มีเงินก็ซื้อได้” กับแบรนด์ "เมาดอกไม้"  ที่ผู้เขียนจะขอพาไปเจาะลึกในวันนี้

Article

     ถึงจะเป็นเพียงกางเกงยีนส์เอวสูงขาตรงที่ดูธรรมดา แต่ไม่น่าเชื่อว่ากางเกงยีนส์ที่สร้างแบรนด์ “เมาดอกไม้” ให้เป็นที่รู้จักรุ่นนี้จะเคยสร้างปรากฏการณ์ sold out 10,000 ตัวภายใน 10 นาที และทำให้กางเกงยีนส์ของ “เมาดอกไม้” กลายเป็นแรร์ไอเท็มที่ถูกตามหามากที่สุด ถูกส่งต่อในราคาเป็นสองเท่าจากราคาขาย แต่ก่อนที่จะมาเป็นกางเกงยีนส์รุ่นฮิตนี้ การเดินทางของเมาดอกไม้นั้นมาจากร้านขายเสื้อผ้ามือสองของนักศึกษาศิลปากร “คุณแจ๊ค - ธนดล พลธนาภัส”

     "เราโตมากับเสื้อผ้ามือสอง ด้วยความชอบสไตล์ที่มันเฉพาะตัว จากคนซื้อ กลายมาเป็นคนขาย จนเรารู้แหล่งในการหาของต่างๆ เราเริ่มจากร้านเล็กๆ ในตลาดนัดมหาวิทยาลัยและโตขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเปิดหน้าร้านที่ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ได้ ซึ่งเราถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วในตอนนั้น"

Article

     เมื่อประสบความสำเร็จถึงจุดหนึ่ง ก็ย่อมถึงเวลาที่จะต้องก้าวต่อไปที่หมุดหมายใหม่ ซึ่งจุดเริ่มต้นของกางเกงยีนส์เมาดอกไม้นั้น ธนดลเล่าว่ามาจากการสังเกตผู้ซื้อที่มาซื้อกางเกงยีนส์มือสองที่ร้าน ซึ่งมักจะมีความไม่มั่นใจ และไม่กล้าลอง อีกทั้งกางเกงตัวนั้นๆ ยังมีแค่ไซส์เดียว นั่นแปลว่าคนที่จะใส่ได้ต้องมีรูปร่างที่พอดีกับกางเกงตัวนั้นจริงๆ จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องการสร้างสรรค์กางเกงยีนส์ที่ไม่ว่าผู้หญิงรูปร่างแบบใดก็ต้องใส่แล้วสวย “เราอยากให้ทุกคนมีความสุขกับการได้แต่งตัว ได้เลือกซื้อเสื้อผ้า และมีความมั่นใจไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบไหน เราจึงออกแบบกางเกงยีนส์เอวสูง ขาตรง ที่น่าจะเหมาะกับผู้หญิงทุกรูปร่าง และช่วยเสริมความมั่นใจเวลาสวมใส่ได้ และที่สำคัญกางเกงยีนส์ยังสามารถใส่ได้ง่าย และใช้ได้หลากสถานการณ์ ซื้อไปตัวเดียวก็สามารถใส่ได้อย่างคุ้มค่า”

Article

     แม้ว่ากางเกงยีนส์ขาตรงเอวสูงจะดูเป็นกางเกงทรงเบสิก แต่ด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้กางเกงยีนส์ “เมาดอกไม้” ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ในขั้นตอนการออกแบบต้องผ่านการแก้ไขแบบนับ 30 รอบ เพื่อที่จะให้ได้กางเกงยีนส์ทรงที่สวยที่สุด พอดีกับรูปร่างของผู้ใส่ที่สุด และที่สำคัญเมื่อนำไปตัดความยาวออกจะต้องไม่เสียทรง “เราไม่อยากให้คนที่ได้สินค้าของเราไปไม่ประทับใจ ดังนั้นในกระบวนการออกแบบเราต้องคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเกิด ทั้งเรื่องความพอดีกับรูปร่างที่ต้องไม่เน้นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือมีส่วนที่หลวมไม่พอดี รวมไปถึงความยาวที่เราต้องคิดเผื่อผู้ใส่ที่จะไปตัดขาออก เมื่อตัดแล้วทรงต้องไม่เสีย”

Article

     นอกจากนี้แล้วทางแบรนด์ยังคำนึงถึงเรื่องไซส์ที่หลากหลายของคนไทยที่มีตั้งแต่ไซส์เล็ก ไปจนถึงพลัสไซส์ จึงได้ทำขนาดที่หลากหลายตั้งแต่คนที่มีขนาดเอว 21 นิ้ว ไปจนถึง 45 นิ้วเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ทางแบรนด์อยากจะมาแก้ไขปัญหาเสื้อผ้าในท้องตลาดที่ส่วนมากยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปร่างที่หลากหลายเท่าที่ควร “เรามองว่าแฟชั่นควรมีความ Inclusive เสื้อผ้ามันไม่ใช่ความสวยหรือความพอดีกับรูปร่างแบบใดแบบหนึ่งอย่างจำกัด เราจึงอยากทำกางเกงยีนส์ให้มีตัวเลือกที่กว้าง แม้มันจะมีต้นทุนสูงขึ้น แต่ทุกคนแฮปปี้ เราก็แฮปปี้”

Article

(ซ้าย) น้ำตาล ชาลิตา กับเสื้อรุ่นยี่หวาในแบบครอปทอป / (ขวา) เสื้อตัดเย็บด้วยเทคนิค collage ที่ออกแบบจากผ้ามือสองรุ่นยี่หวา

 

     หลังจาก “เมาดอกไม้” ได้ส่งกางเกงยีนส์ให้ติดตลาดจนกลายเป็นแรร์ไอเท็มไปแล้ว จากเรื่องของความ Inclusive เขาได้ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นนั่นก็คือร้านเสื้อผ้ามือสอง ผนวกกับกระแสแฟชั่นโลกที่กำลังตื่นตัวกับเรื่องความยั่งยืน และเสียงเรียกร้องจากลูกค้าที่ต้องการเสื้อเพื่อมาแมตช์กับกางเกงของทางร้าน “เสื้อยี่หวา” เสื้อที่ออกแบบด้วยเทคนิคตัดปะแบบคอลลาจ ที่ใช้ผ้ามือสองทั้งหมดมาผลิต จึงถือกำเนิดขึ้น

     “เรามาจากคนชอบของมือสอง ดังนั้นเราจึงย้อนกลับมาที่ผ้า และเสื้อผ้ามือสองมันมีลายที่เป็นเอกลักษณ์ และมีเพียงชิ้นเดียว ประกอบกับความสนใจในตอนนั้นของเราที่เราเริ่มสนใจเกี่ยวกับ แฟชั่นเพื่อความยั่งยืน เราเลยลองนำผ้ามือสองที่มีมาวางลายและออกแบบจนกลายมาเป็นเสื้อรุ่นยี่หวา” 

Article

     สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยนั่นก็คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบที่ดีไซเนอร์ต้องการสื่อสาร “ออกแบบสำหรับเรา…นอกจากความสวยงามมันต้องคำนึงด้วยว่าเราต้องการจะสื่ออะไร เปลี่ยนแปลงอะไร และมีมุมมองอย่างไร อย่างกางเกงยีนส์เมาดอกไม้เราออกแบบมาจากปัญหาของลูกค้า และความไม่เปิดกว้างเพื่อให้คนที่ไม่ได้มีรูปร่างตามมาตรฐานได้สวมใส่ ส่วนเสื้อรุ่นยี่หวาเราก็ต้องการที่จะผลักดันให้คนตระหนักถึงเรื่องความยั่งยืนให้มากขึ้น ลดการบริโภค และรู้จักการปรับประยุกต์อย่างมีศิลปะ”

     ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่น่าจับตามองสำหรับ “เมาดอกไม้” อาจจะไม่ใช่เพียงกางเกงรุ่นใหม่ เสื้อขายดี หรือไอเท็มตามเทรนด์ แต่ยังรวมไปถึงแนวความคิดที่ทางแบรนด์อยากจะสื่อสารออกมาให้ทุกคนได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรจะต้อง “เปลี่ยน” ในโลกแฟชั่น แล้วเรามารอดูกันว่าในครั้งต่อไป “เมาดอกไม้” กำลังจะบอกอะไรกับคุณ

     ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ IG : @maodokmai

 

     เรื่อง: Kanthoop Hengmak

     Edited by ปภัสรา นัฏสถาพร

รู้จัก 'เมาดอกไม้' แบรนด์ไทยที่ใส่ใจเรื่อง Sustainability กับไอเดียยีนส์ไซส์หายากและเสื้อผ้าวินเทจ