ในขณะที่การ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงานหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี การจะหาชุดให้สวยเหมาะและไม่ซ้ำกับทุกๆ งานอาจไม่ใช่เรื่องง่าย และบางทีชุดเดรสก็ไม่ได้ตอบโจทย์ทุกรูปแบบงานเสมอไป เคล็ด(ไม่)ลับในการเลือกชุดไปงานแต่งนั้นควรคำนึงถึงสถานที่ ธีมงาน รวมไปถึงบรรยากาศของงาน ซึ่งวันนี้โว้กจะมาช่วยให้การเลือกชุดไปงานแต่งงานนั้นง่ายขึ้น ด้วยการแนะนำไอเดียชุดสไตล์ต่างๆ ให้เหมาะกับแต่ละสถานที่ รับรองได้เลยว่าจะช่วยสร้างความประทับใจในงานแต่งงานครั้งต่อไปได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นเพื่อนสนิท สมาชิกในครอบครัว หรือแขกรับเชิญก็ตาม

 

1. งานแต่งงานที่เป็นทางการ

     ชุดไปงานแต่งงานสำหรับงานที่มีความเป็นทางการ สามารถเลือกใส่ชุดราตรียาว หรือชุดเดรสสั้นหากต้องการความเรียบหรูแบบมินิมัล ส่วนสีดำเป็นตัวเลือกที่มีความทางการและทันสมัย แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมตามธรรมเนียมไทยเท่าไหร่นัก ดังนั้นก็ให้เลือกสีชุดตามธีมงานเป็นสำคัญ ในส่วนแมตทีเรียลของชุดแนะนำให้เลือกเนื้อผ้าที่มีความสวยหรูมีระดับ เช่น ผ้าไหม ผ้าซาติน หรือผ้าไหมชีฟอง ทั้งนี้เราไม่จำเป็นต้องยึดติดที่ชุดเดรสเพียงอย่างเดียว จั๊มป์สูท ชุดสูท หรือเบลเซอร์และกางเกงที่เข้ากันก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพราะมีความเป็นทางการและมีเสน่ห์เช่นเดียวกัน

 

2. งานแต่งงานริมทะเล

     หากงานแต่งงานจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลหรือชายหาด เราสามารถเลือกชุดไปงานแต่งที่ผ่อนคลายจากความเป็นทางการมากขึ้น ชุดที่เหมาะกับสถานที่คือแม็กซี่เดรสพลิ้วไหว ชุดจั๊มป์สูทหรูหรา หรือแม้แต่ชุดเซ็ตที่เข้ากัน ส่วนโทนสีที่แนะนำคือเฉดสีฤดูร้อน ตั้งแต่สีพาสเทลอ่อนๆ ไปจนถึงเฉดสีเข้ม ในส่วนของเนื้อผ้าแนะนำให้เลือกผ้าลินินหรือผ้าฝ้ายที่มีความโปร่งสบาย หรือหากต้องการความโดดเด่น ลองจับคู่เดรสสั้นกับเสื้อเบลเซอร์ผ้าลินินที่เข้าชุดกัน และคอมพลีตลุคด้วยกระเป๋าใบจิ๋วสุดเก๋ที่สามารถใช้งานได้จริง

 

3. งานแต่งงานในสวน

     หากเป็นงานแต่งงานในสวนท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และดอกไม้บานสะพรั่ง กุญแจสำคัญของการเลือกชุดไปงานแต่งคือดึงเอาบรรยากาศของงานมาเป็นแรงบันดาลใจในการเลือกชุด อย่ากลัวที่จะใส่เดรสหรือจั๊มป์สูทที่มีลวดลายดอกไม้ใบหญ้าอันโดดเด่น พร้อมด้วยเลือกโทนสีของธรรมชาติ เช่น สีพาสเทล สีพีช สีกุหลาบ สีเขียวเซจ หรือสีเอิร์ธโทน เป็นต้น ทั้งนี้ข้อควรคำนึงของรองเท้าสำหรับงานในสวนหรือกลางแจ้ง แนะนำให้เลือกเป็นส้นตึกหรือแซนเดิลรัดส้นเพื่อให้สามารถก้าวเดินในสวนหญ้าหรือทางเดินที่มีหินกรวดได้อย่างสะดวกสบาย

 

4. งานแต่งงานแบบค็อกเทล

     ช่วงเวลาของการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลส่วนใหญ่จะเชื่อมระหว่างเวลากลางวันและกลางคืนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปาร์ตี้ นั่นหมายความว่าชุดที่เหมาะกับช่วงเวลานี้จึงมีทางเลือกมากมาย และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้สวมใส่ชุดที่โดดเด่นเตะตาและทันสมัยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะแย่งซีนใครในงาน คุณสามารถเลือกได้ตั้งแต่เดรสสั้น มิดี้เดรส ไปจนถึงชุดเซ็ต เลือกเนื้อผ้าไหมหรือกำมะหยี่และผ้าปักเลื่อมก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม โดยงานค็อกเทลเราสามารถเลือกชุดที่มีความลำลองได้มากกว่างานแต่งที่เป็นทางการจึงสามารถใส่รองเท้าส้นสูงรัดส้นได้ พร้อมด้วยเครื่องประดับที่ส่องประกายระยิบระยับในช่วงค่ำคืน

 

5. งานแต่งงานสบายๆ เป็นกันเอง

     ในยุคที่หลายคู่ต้องการเซฟค่าใช้จ่าย รวมถึงบางคู่ที่อยากจัดงานเล็กๆ เป็นกันเองแค่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิท งานแต่งงานรูปแบบนี้ แขกรับเชิญจึงสามารถเลือกชุดไปงานแต่งให้สบายๆ ได้มากขึ้น แต่เพราะงานแต่งงานก็ยังเป็นงานแต่งงานอยู่วันยังค่ำ อาจไม่เหมาะนักที่จะเลือกชุดลำลองที่สบายเหมือนวันอยู่บ้านจนเกินไป แนะนำให้เลือกชุดมิดี้เดรสหรือแม็กซี่เดรส โดยเลือกสไตล์และใช้ผ้าสบายๆ อย่างเช่นผ้าลินินแทนผ้าซาติน พร้อมคอมพลีตลุคด้วยรองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าคัชชู และถือกระเป๋าคลัชอีกสักใบก็เป็นอันสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี หลายคนอาจสับสนว่างานสบายๆ เราควรแต่งเยอะหรือแต่งน้อยๆ เข้าไว้ถึงจะเหมาะสม ทริคง่ายๆ ก็คือ Overdressed (แต่งเยอะเกินไป) ย่อมดีกว่า Under-dressed (แต่งน้อยเกินไป) เพราะอย่างน้อยก็ถือเป็นการให้เกียรติเจ้าของงานนั่นเอง