ในวันที่โลกคราคร่ำไปด้วยเรื่องของการรณรงค์ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม แฟชั่นเองก็มักเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมอยู่เสมอ ฉะนั้นเมื่อ 2 จุดนี้มาประสานกันย่อมเกิดเหตุการณ์ที่น่าสนใจคอยผลักดันประเด็นหลักให้ก้าวมาอยู่ในที่สว่างให้คนหลายแวดวงหันมาสนใจ เพราะตัวดีไซเนอร์และแบรนด์เปรียบเสมือนอินฟลูเอนเซอร์ที่พร้อมจะดึงความสนใจมาได้ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคนแฟชั่น คนยุคใหม่ที่พร้อมจะเลือกผสมผสานความสวยงามของศิลปะเครื่องแต่งกายเข้ากับเทรนด์การรักษ์โลก เมื่อภาวะของโลกมีความผันผวนด้านธรรมชาติ ก็ถึงเวลาแล้วที่จะมีใครก้าวขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงให้กับโลกใบนี้ และ Vivienne Westwood คือหนึ่งในตัวแทนสำคัญของวงการแฟชั่น ณ ตอนนี้

Vivienne Westwood ขณะกำลังขึ้นพูดเกี่ยวกับแคมเปญภาวะโลกร้อน / ภาพ: Courtesy of Vivienne Westwood

     วิเวียนดีไซเนอร์หญิงวัย 78 ปี คือคนสายแฟผู้สนใจและตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว ความเก๋าในโลกแฟชั่นก็นับว่าเป็นดีไซเนอร์ทีเด็ดที่พร้อมปล่อยของให้เราได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ ในอีกมุมหนึ่งเธอคือกลุ่มนักกิจกรรมรณรงค์เกี่ยวกับธรรมชาติ ล่าสุดดีไซเนอร์วัยดึกคนนี้ได้ขึ้นพูดเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยฝากวลีเด็ดไว้ว่า “คุณภาพไม่ใช่ปริมาณ ดีไซเนอร์ต้องนำ ซื้อให้น้อยแต่งให้เป็น เลือกให้ดี และใช้ให้ยั่งยืน” คำแนะนำง่ายๆ เมื่อพูดถึงแฟชั่นของวิเวียน ความสวยงามถูกสอดแทรกประเด็นสิ่งแวดล้อมเข้าไปในวิถีของมัน อาจจะฟังไม่ได้หวือหวามากนักแต่มันคือเรื่องจริงทรงพลังที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

(ซ้าย) Vivienne Westwood กำลังพูดในปิดท้ายโชว์คอลเล็กชั่น Fall/Winter 2019 (ขวา) เสื้อยืดทรงบ็อกซี่พิมพ์ลายโจ๊กเกอร์พร้อมข้อความ “YOU THINK YOU OWN THE WORLD” / ภาพ: Vogue Runway

     นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวิเวียนที่สร้างความตื่นตัวให้กับโลกแฟชั่นในด้านนี้ เพราะเธอนำเอาเรื่องประเด็นบริโภคนิยมและสิ่งแวดล้อมมาขยายให้ใหญ่ขึ้นและบรรจงเน้นลงไปบนเสื้อผ้าในโชว์คอลเล็กชั่น Fall/Winter 2019 เสื้อถูกขีดเขียนด้วยข้อความต่อต้านทุนนิยมและประเด็นเรื่องภาวะโลกร้อน ตัวอย่างเช่น “YOU THINK YOU OWN THE WORLD” บนเสื้อยืดพิมพ์ลายโจ๊กเกอร์ล้อประเด็นมนุษย์สูบทรัพยากรโลก ซึ่งวิเวียนเจ้าของผลงานตั้งใจบอกกับเราด้วยว่า “ปีนี้มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น” นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้มาเล่นๆ เธอตั้งใจดึงเอาประเด็นเหล่านี้เพื่อสื่อสารกับโลกนี้อย่างจริงจัง และเตือนให้ทุกคนได้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ว่าจะโลกร้อนหรือเย็นสุดขั้วเกินขีดจำกัด มันคือหายนะของโลกดั่งคำที่ว่า “ภาวะโลกร้อนเท่ากับการสังหารหมู่ครั้งใหญ่”

     แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราทุกคนต้องช่วยกัน ตอนนี้วิเวียนเริ่มแล้ว แล้วคุณล่ะเริ่มหรือยัง... อาจไม่ต้องถึงขั้นสุดขั้วแต่ก็ตระหนักไว้และค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย การมีส่วนร่วมในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งคือกุญแจสำคัญดอกเล็กๆ เมื่อไขรวมกันหลายๆ คนจะปลดล็อคโลกใบสวยงามกลับมาได้อีกครั้ง