FASHION

หาชมยากมาก! เปิดคลังภาพออริจินัลอายุ 55 ปีของบัลเลต์หลวง 'มโนห์รา'

55 ปีแล้วที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” สธน ตันตราภรณ์ รองบรรณาธิการโว้กประเทศไทย ขอปัดฝุ่นอัลบั้มภาพออริจินัลจากคลังเก่าครึ่งศตวรรษ และเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ศิลป์ร่วมสมัย

55 ปีแล้วที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบแดงอย่างบัลเลต์ “มโนห์รา” สธน ตันตราภรณ์ รองบรรณาธิการโว้กประเทศไทย ขอปัดฝุ่นอัลบั้มภาพออริจินัลจากคลังเก่าครึ่งศตวรรษ และเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ศิลป์ร่วมสมัย

 

1 / 19

พระสุธนและมโนห์รารุ่นปฐมฤกษ์ปี พ.ศ. 2505


2 / 19

ฉากแสง สี เสียง ตระการตาของบัลเลต์ฉบับประวัติศาสตร์ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นผู้พระราชนิพนธ์ดนตรีประกอบ


3 / 19

ช่วงการแสดงบท 'ดอกบัว'


4 / 19

หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้รำไหว้ครูเบิกโรง เพื่อสร้างสิริมงคลแก่คณะทีมงานและนักแสดง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของนาฏศิลป์ไทย


5 / 19

หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้รำไหว้ครูเบิกโรง เพื่อสร้างสิริมงคลแก่คณะทีมงานและนักแสดง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของนาฏศิลป์ไทย


6 / 19

ตัวละคร 'นกยูง' ที่งดงามด้วยท่วงท่าและเครื่องแต่งกาย


7 / 19

ระบำเห็ดที่ผู้ชมฉบับออริจินัลมากมายยังคงจดจำได้


8 / 19

ศาสตร์บัลเลต์ตะวันตกซึ่งได้รับการหลอมรวมเข้ากับท่ารำของไทย


9 / 19

มโนห์ราร่ายรำอยู่เคียงข้างนางงูและนกยูง


10 / 19

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมอบของที่ระลึกให้แหม่มเดมอนหลังการแสดง


11 / 19

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมอบของที่ระลึกให้ สมศักดิ์ พลสิทธิ์ ผู้แสดงนำในบทพระสุธน


12 / 19

ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


13 / 19

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะเสด็จฯ เยี่ยมชมการซ้อม ณ สวนอัมพร และมีพระราชดำรัสแก่ เจเนเวียฟ เลสปันญอน เดมอน หรือ “แหม่มเดมอน”


14 / 19

แหม่มเดมอนขณะฝึกซ้อมและสร้างสรรค์ท่าระบำ


15 / 19

วนิดา สุขุม ขณะซ้อมบัลเลต์ในบทมโนห์รา


16 / 19

ท่ามโนห์ราเหินที่งดงามและจำเป็นต้องอาศัยทักษะของผู้แสดง


17 / 19

คอสตูมฝีมือ ปิแอร์ บัลแมง ช่างเสื้อชาวฝรั่งเศสซึ่งให้เกียรติออกแบบเสื้อผ้าในบัลเลต์ยิ่งใหญ่ฉบับออริจินัล


18 / 19

ฉากจบอันตระการตาของบัลเลต์ 'มโนห์รา'


19 / 19

ฉากหนึ่งของการแสดงบัลเลต์บนยกพื้นเวทีสวนอัมพร ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างอลังการ


1. หนึ่งในบัลเลริน่าบท “บัวหลวง” อย่าง วาสนา บัณเย็น มารดาในเวลาต่อมาของ สาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา ภริยาอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เล่าว่าระหว่างการซ้อม ซึ่งกินเวลายาวนานร่วมปี บ่อยครั้งนักระบำซึ่งกำลังซอยปลายเท้าถอยหลังเข้าหลืบข้างเวทีได้บังเอิญชนเข้ากับบุรุษในเงามืดผู้หนึ่ง ก่อนจะพบว่าเงาลึกลับนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งคอยเสด็จเวียนมาแอบทอดพระเนตรการซ้อม ณ สวนอัมพร อย่างไร้พิธีรีตองเสมอ

2. ปิแอร์ บัลแมง กูตูริเย่ร์หลวงจากกรุงปารีสเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าให้กับตัวละครหลัก และมีโอกาสเดินทางมาร่วมชมการซ้อมหลายครั้งหลายคราจนเป็นที่คุ้นชินของคณะระบำ

3. แม้จะระบุอย่างเป็นทางการในภายหลังว่า จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติปี 2543 เป็นผู้แต่งหน้าให้กับเหล่านักแสดง หากความจริงแล้ว อาจารย์จักรพันธุ์ ซึ่งในขณะนั้นยังคงเป็นนักเรียนโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยเพิ่งมีโอกาสแต่งหน้าละครเป็นครั้งแรก...ในฐานะมือสมัครเล่น

4. เริ่มแรกนั้นอาจารย์จักรพันธุ์ติดตามสมาชิกในครอบครัวคือ ประจวบ ตันตราภรณ์ ไปเพื่อช่วยแต่งหน้าให้กับลูกสาวคือ จารุรัช ตันตราภรณ์ หนึ่งใน “กินรี” หากผลงานเป็นที่ประทับใจจน “คืนที่สอง คนเริ่มมาต่อคิวให้แต่งกันยาวเหยียด และเป็นอย่างนั้นไปทุกวัน ช่างคนอื่นยืนหน้าแห้ง” จารุรัชเสริมอีกว่า “ยังไม่มีใครรู้จักติดขนตากันเลยในงานนั้น น้าจักรพันธุ์ใช้เป็นรายแรกๆ”

5. ผู้คิดค้นท่าระบำคือ เจเนเวียฟ เลสปันญอน เดมอน หรือ “แหม่มเดมอน” ศิลปินบัลเลต์สัญชาติฝรั่งเศส-อเมริกัน ครูระบำผู้ถวายการสอน ณ โรงเรียนจิตรลดา เธอบวกศาสตร์บัลเลต์ตะวันตกเข้ากับท่ารำของไทย

6. บัลเลต์จัดแสดงด้วยกันหลายครั้ง ในขณะที่ตัวละคร “มโนห์รา” เปลี่ยนนางระบำไปเรื่อยๆ สำหรับฉบับปฐมฤกษ์คือ วนิดา สุขุม ส่วนการแสดงครั้งที่สองคือ ท่านผู้หญิง วราพร ปราโมช ณ อยุธยา หากที่โดดเด่นที่สุดคือ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงโปรดเกล้าให้จัดการแสดงถวายการต้อนรับเจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนต์ เมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศไทย ณ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดอยุธยา โดยแหม่มเดมอนเป็นผู้สวมบทมโนห์ราด้วยตนเอง

7. ผู้สวมบทบาท “พระสุธน” ฉบับแรกเริ่มคือ สมศักดิ์ พลสิทธิ์ บิดาในเวลาต่อมาของ คาร่า พลสิทธิ์ นางแบบระดับซูเปอร์โมเดลของเมืองไทย ร่วมคณะเดียวกันยังประกอบด้วย สมชาย เชยโสภณ บิดาในเวลาต่อมาของ มาฬิศร์ เชยโสภณ นักแสดงละครโทรทัศน์ชื่อดัง ในขณะที่ทุกวันนี้เหล่าสาวๆ “ดอกบัว” ทั้งบัวหลวงและบัวสายต่างกลายเป็นคุณหญิงไปกันเกือบหมดแล้ว

8. ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งวงดนตรี “สุนทราภรณ์” รับหน้าที่อำนวยเพลง ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพร โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเรียบเรียงเสียงประสานขึ้นใหม่ด้วยพระองค์เองจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ดั้งเดิมคือ “แสงเดือน” “เริงวนารมณ์” “พรานไพร” “ภิรมย์รัก” และ “อาทิตย์อับแสง” ก่อนพระราชทานนามใหม่ให้ว่า “กินรีสวีท”

9. หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้รำไหว้ครูเบิกโรง เพื่อสร้างสิริมงคลแก่คณะทีมงานและนักแสดง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของนาฏศิลป์ไทย

 



WATCH




WATCH