ในแต่ละปีจะมีการเปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีขึ้นเพื่อตอบโจทย์ในการวิ่งที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตลาดรองเท้าวิ่งในปี 2023 นี้ก็เช่นกันที่เราจะได้เห็นรองเท้าวิ่งตั้งแต่รุ่นที่มีความมั่นคงแข็งแรงซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ที่มีน้ำหนักเกิน และรุ่นที่ลดแรงกระแทกเป็นพิเศษสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความนุ่มสบาย ไปจนถึงรองเท้าคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับผู้ที่ต้องการวิ่งบนถนนด้วยความเร็ว สำหรับใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งคู่ใหม่ในช่วงนี้ จะมีคู่ไหนที่น่าสนใจในปี 2023 นี้บ้าง โว้กก็มาอัปเดตกันแล้วที่นี่

 

ภาพ: @brooksrunningca

1. Brooks Ghost 15

     Brooks Ghost 15 รองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการขนานนามว่า "ราบรื่น สมดุล และดียิ่งกว่าที่เคย" ใส่แล้วให้ความรู้สึกนุ่มสบายด้วยหน้ารองเท้าที่กว้างแต่กระชับ ทั้งยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย พร้อมกับเทคโนโลยีพื้นรองเท้า DNA LOFT v2 ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความนุ่ม แต่ยังมาพร้อมกับการดีดตัวที่ดี พื้นรองเท้าชั้นกลางที่นุ่มและ Segmented Crash Pad ช่วยให้การเปลี่ยนท่าเป็นไปอย่างราบรื่นทำให้ทุกก้าววิ่งของคุณมีความสมูธและความสนุก เหมาะสำหรับใส่วิ่งทุกสภาพพื้นผิวถนน และใช้ได้ทั้งผู้เริ่มต้นไปจนถึงนักวิ่งอาชีพ

 

ภาพ: @nvtzr

2. Nike ZoomX Invincible 3

     ZoomX Invincible 3 อาจเรียกได้ว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่ลดแรงกระแทกได้ดีที่สุดของ Nike จนถึงปัจจุบันก็ว่าได้ ให้ความสบายระดับสูงสุดที่ใต้ฝ่าเท้า ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงและวิ่งได้อย่างต่อเนื่อง ระบบลดแรงกระแทกจะช่วยลดทอนแรงกระแทกเมื่อเท้าลงสู่พื้น ส่งแรงกลับให้แต่ละย่างก้าวได้มากขึ้น ตัวโฟม Nike ZoomX มีน้ำหนักเบาจึงช่วยให้ดีดตัวและว่องไวขึ้น มาพร้อมกับรูปทรงโดยรวมที่ดูโฉบเฉี่ยว สำหรับผู้ที่มองหารองเท้าที่ลดแรงกระแทกได้ดีสำหรับการก้าววิ่งอย่างมั่นคง รองเท้าวิ่งคู่นี้จะตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้

 

ภาพ: @vsporteua

3. ASICS GEL-Kayano 29

     ปี 2023 ถือเป็นปีของ Asics อย่างแท้จริง เพราะมาแรงทั้งฝั่งแฟชั่นและฟังก์ชั่น โดยเป็นหนึ่งในแบรนด์สนีกเกอร์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดของปีนี้ และในแง่ของการเป็นรองเท้าวิ่งก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ Asics GEL-Kayano 29 ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นรองเท้าที่ “มอบประสบการณ์การวิ่งที่มั่นคงและทรงพลัง” ด้วยนวัตกรรมโฟม LITETRUSS™ ดีต่อการทรงตัว และการรองรับแรงกระแทกด้วย FF BLAST™ PLUS พร้อมปรับการระบายอากาศที่ดีขึ้น ที่สำคัญยังมีน้ำหนักเบา ทั้งนี้อาจไม่เหมาะกับการวิ่งที่ใช้ความเร็ว แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการวิ่งออกกำลังกายและการวิ่งระยะไกล

 

ภาพ: adidas

4. adidas Ultraboost Light

     adidas Ultraboost Light ได้รับการขนานนามว่าเป็นรุ่นที่เบาที่สุดในซีรี่ส์ Ultraboost เนื่องจากการนำ Light BOOST วัสดุใหม่ล่าสุดมาติดตั้งบริเวณแกนกลางรองเท้า จึงทำให้มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นก่อนถึง 30% มาพร้อมเทคโนโลยี LEP (Linear Energy Push) รุ่นใหม่บริเวณแกนกลางรองเท้า ซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการวิ่ง พร้อมส่งมอบพลังและการตอบสนองในทุกย่างก้าว รวมถึงรองรับแรงกระแทกและมอบความนุ่มสบาย อัปเปอร์ผลิตจากผ้า PRIMEKNIT+ น้ำหนักเบา เพิ่มการระบายอากาศ มอบความนุ่มสบาย และโอบกระชับรูปเท้าไม่ลื่นไถลระหว่างการวิ่ง

 

ภาพ: salomon sports

5. Salomon Aero Glide

     แม้ว่า Salomon จะเป็นที่รู้จักดีในเรื่องรองเท้าวิ่งเทรล แต่รุ่น Aero Glide ก็มีชื่อเสียงในหมู่นักวิ่งออกกำลังกายในชีวิตประจำวันด้วย โดยรุ่นนี้ออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทกได้สูงสุด ด้วยพื้นรองเท้าชั้นกลางแบบซ้อนสูงทำจาก Energy Foam ที่ช่วยให้เท้านุ่มสบายทุกย่างก้าว พร้อมดูดซับแรง มาพร้อมรูปทรงเรขาคณิตที่เป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญยังมีน้ำหนักเบา ที่ช่วยเคลื่อนไหวได้คล่องตัวและว่องไวอย่างมั่นคง และแม้จะมีส้นหนาถึง 37.4 มม. แต่รองเท้าก็ไม่ทำให้รู้สึกเทอะทะแต่อย่างใด

 

ภาพ: @ari_running

6. HOKA Clifton 9

     รองเท้าวิ่งจาก HOKA รุ่นนี้มาพร้อมกับความสูงที่เพิ่มขึ้นและเบากว่ารุ่นก่อนหน้า โดยความสูง(ความหนา)ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 3 มม. จึงเหมาะสำหรับการวิ่งบนถนนและการวิ่งระยะไกล โครงสร้างแบบ Early-stage Meta-rocker ปลายเท้าโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ช่วยในการวิ่งที่สมูธและลื่นไหลยิ่งขึ้น อัปเปอร์มาพร้อมกับหน้าผ้า 2 ชั้น โดยชั้นนอกจะเป็นผ้าตาข่าย และเสริมด้วย Engineered Knit ซึ่งเป็นผ้าถักที่ระบายอากาศได้ดี มาพร้อมกับบุนวมและลิ้นรองเท้าที่ช่วยลดการถลอกและการเสียดสี รองรับรูปทรงเท้าที่แตกต่างกันได้ดี

 

ภาพ: The Pill

7. Saucony Triumph 20

     รุ่นนี้จาก Triumph เป็นรองเท้าวิ่งสายซัพพอร์ตที่ได้รับความนิยมสูงสุดของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน เหมาะสำหรับการวิ่งจ็อกกิ้งทุกวันและการวิ่งระยะไกล รองเท้ามีน้ำหนักเบา พื้นชั้นกลางใช้ PWRRUN+ ที่มอบความนุ่มและรองรับแรงกระแทกได้ดี รวมถึงมีการปรับดีไซน์พื้นชั้นกลางให้หนาขึ้น และมีความโค้ง Rocker Shape จึงทำให้วิ่งได้สมูธและสบายเท้า อัปเปอร์มีการออกแบบการผูกเชือกรองเท้าแบบใหม่ที่พอดีกระชับกับเท้า พื้นชั้นนอกใช้ยาง XT-900 ที่มีความทนทานสูง ในขณะที่ Heel Counter ที่ส้นเท้าก็มีความแข็งแรง พร้อมกับการบุนวมนุ่มและล็อกส้นเท้าได้ดี ใส่แล้วจึงไม่ทำให้เกิดอาการเสียดสีกับเอ็นร้อยหวาย