หากจะย้อนถึงแฟชั่นเสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมตลอดกาลคงหนีไม่พ้นไอเท็มอย่าง “เสื้อโปโล” ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นหนึ่งในแฟชั่นพื้นฐานที่ใครๆ ก็ล้วนมีติดตู้ไว้รังสรรค์ลุคให้ดูดีในแต่ละวัน เพราะเสื้อโปโลนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นไอเท็มที่สามารถแต่งกายให้อยู่ในลุคทางการ หรือลำลองก็ได้ จึงไม่แปลกใจที่ยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญในการสวมใส่มาจนถึงทุกวันนี้ โว้กจึงอยากพาทุกคนย้อนตำนานของเสื้อโปโลว่ามีความเป็นมาอย่างไร เหตุใดถึงยังเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลาย

     การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโล / ภาพ: Forbes

     ย้อนกลับไปเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 แน่นอนว่าชื่อของเสื้อชนิดนี้คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินมาก่อน คุณคิดไม่ผิดหรอก เพราะชื่อนี้ได้มาจากการแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโล (ที่มีจุดเริ่มต้นในประเทศอินเดีย) เนื่องจากการแข่งขันกีฬาชนิดนี้เดิมทีต้องสวมเสื้อแขนยาว ผ้าคอตตอนผืนหน้า และปกใหญ่ ทำให้เวลาควบม้าโปโลนั้นเกิดความยุ่งยากเพราะเมื่อปกเสื้อโดนลมโต้จะทำให้คอปกกระพือไปตามลม รวมถึงเสื้อผ้าที่มีลักษณะแขนยาวส่งผลให้เกิดความลุ่มล่ามไม่สะดวกในการควบคุมม้าอีกด้วย แต่ถึงแม้จะเกิดปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมาก็ยังไม่มีใครคิดค้นเสื้อหรือชุดขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งวันหนึ่ง…

รูปแบบเสื้อโปโลของแบรนด์ Brooks Brothers / ภาพ: Linked in

     เมื่อกีฬาขี่ม้าโปโลได้แผ่อิทธิพลเข้าสู่สหราชอาณาจักร John E Brooks หลานชายของผู้ก่อตั้งบริษัท Brooks Brothers ในสหรัฐอเมริกาเดินทางมาทัวร์ประเทศอังกฤษและมีโอกาสได้ชมการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ แทนที่จอห์นจะสนุกสนานจากการเชียร์กีฬาแต่เขากลับเกิดไอเดียขึ้นใหม่เมื่อเขาประทับใจเสื้อผ้าที่ผู้เข้าแข่งขันได้สวมใส่ ทรงคอปกที่รับลมกระพือจนน่ารำคาญตาทำให้เขาได้แนวคิดนี้ไปติดกระดุมที่ใต้ปกเสื้อจนกลายเป็นลักษณะอันโดดเด่นสะดุดตาถูกใจฝั่งบุรุษไปเสียหมดจนเกิดชื่อเรียกรูปแบบเสื้อดังกล่าวนี้ว่า “Polo Shirt”

René Lacoste สวมเสื้อโปโลที่เขาออกแบบเองในการแข่งขันกีฬาเทนนิส U.S. Open Championship ในปี 1926 / ภาพ: Pinterest

     แน่นอนว่าวิวัฒนาการของเสื้อโปโลยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หลังจากที่ช่วงเวลาดังกล่าวเสื้อโปโล (ที่จอห์นได้ออกแบบขึ้น) ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนกลายมาเป็นสิ่งยอดฮิตในหมู่กีฬาอีกประเภทอย่างเทนนิส เมื่อ René Lacoste นักกีฬาเทนนิสชื่อดังในยุคสมัยนั้นพบว่า “เสื้อเทนนิสสีขาว” (โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายแขนยาวติดกระดุมสีขาวที่เขามักสวมใส่สำหรับเล่นเทนนิส) มีข้อจำกัดมากเกินไปทำให้การแข่งขันหรือฝึกซ้อมไม่สะดวกอย่างที่ควร เขาจึงออกแบบเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายแขนสั้นสีขาวลายปิเก้พร้อมคอเสื้อปกอันเป็นเอกลักษณ์ และเขาสวมมันเป็นครั้งแรกในการแข่งขัน U.S. Open Championship ในปี 1926 นอกจากชัยชนะที่เขาได้รับในวันนั้น เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ดูจะเป็นจุดสนใจไม่แพ้กันจนกลายเป็นที่กล่าวถึงอยู่เสมอ ลาคอสต์เห็นความนิยมดังกล่าวเกี่ยวกับเสื้อของเขาอยู่เรื่อยมา จนเมื่อเขาเกษียณจากการเล่นเทนนิสในปี 1933 เขาจึงเริ่มทำการตลาดให้กับเสื้อโปโลสำหรับกีฬาเทนนิสอย่างจริงจัง

1 / 2

2 / 2

     ลาคอสต์กับเพื่อนของเขา Andre Gillier เริ่มต้นก่อตั้งโรงงานผลิตเสื้อ ‘La Societe Chemise Lacoste’ ในปี 1933 (แบรนด์ Lacoste ในปัจจุบัน) ซึ่งพวกเขาได้ผลิตเสื้อที่เหมือนกับที่ลาคอสต์สวมใส่ในการแข่งขันเทนนิสในปีดังกล่าว และเมื่อปลายปี 1940 เนื่องจากความนิยมที่ไม่เคยซบเซาลง คำว่า “เสื้อโปโล” จึงใช้เป็นคำอธิบายถึงเสื้อเชิ้ตที่มีปก แม้แต่บุคคลธรรมดาทั้งฝั่งบุรุษและฝั่งสตรีที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาก็หันมาบริโภคกันอย่างแพร่หลาย การออกแบบเสื้อโปโลของลาคอสต์ในครั้งนั้นกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านแฟชั่นที่ทำให้คนนิยมใส่เสื้อโปโลไม่ว่าจะโอกาสไหนก็ตาม

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

     จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาหลายทศวรรษแล้ว เสื้อโปโลก็ยังคงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ผู้คนทั่วโลกมักนึกถึงอยู่เสมอ มีเสื้อผ้าหลายแบรนด์ถือกำเนิดแนวคิดอื่นๆ ไปประยุกต์ขึ้นอย่างเช่นเพิ่มสีสัน หรือลวดลายให้มากกว่าความเบสิกสีพื้นที่ก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเสมอเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และความนิยมในช่วงนั้น รวมถึงยังเป็นไอเท็มที่สามารถเข้าไปอยู่ในทุกวงการได้ไม่ว่าจะวงการกีฬาอย่างเทนนิส กอล์ฟ แม้กระทั่งการทำงาน หรือการแต่งกายออกไปเที่ยวในวันหยุดพักผ่อน “เสื้อโปโล” จะเป็นแฟชั่นชิ้นไอคอนที่อยู่เหนือกาลเวลาและคาดว่าจะไม่มีอะไรมาลบล้างได้อย่างแน่นอน