loafer
FASHION

แนะนำรองเท้าหนังโลฟเฟอร์ 5 แบรนด์ ในงบประมาณ 10,000 บาท คุณภาพคุ้มราคา และหาซื้อไม่ยากในบ้านเรา

รองเท้าที่อยู่บนความทางการกับความแคชชวลที่สามารถสวมใส่ออกงานก็ได้ หรือจะสวมใส่ในวันสบายๆ ก็ไม่ผิด

     คงจะไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ‘รองเท้าหนังโลฟเฟอร์’ คือหนึ่งในรองเท้าสามัญประจำบ้าน เนื่องด้วยความที่มันอยู่ตรงกลางระหว่างความทางการกับความแคชชวลที่สามารถสวมใส่ออกงานก็ได้ จะสวมใส่ในวันสบายๆ ก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้จึงมีแบรนด์ที่ผลิตรองเท้าโลฟเฟอร์ออกมามากมาย แค่ในประเทศไทยก็นับนิ้วไม่หมดแล้ว มีตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปยันหลายหมื่นบาท ทว่าเมื่อตัวเลือกมีมาก สิ่งที่ตามมาคือความยากในการตัดสินใจ บทความนี้จึงจะเป็นการแนะนำแบรนด์รองเท้าโลฟเฟอร์ 5 แบรนด์ในงบประมาณไม่เกิน 10,000 บาท ที่รับประกันว่าสวยงาม คุณภาพคุ้มราคา และที่สำคัญคือหาซื้อได้ไม่ยาก

 

lafer

ภาพ: The Decorum Bangkok

Fugashin

     เริ่มกันที่แบรนด์รองเท้าสัญชาติญี่ปุ่นที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1989 ซึ่งกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา Fugashin Shoemaker ได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยคุณภาพการตัดเย็บรองเท้าสุดประณีต เก็บรายละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว ดีไซน์คลาสสิกผสมผสานความร่วมสมัยอย่างลงตัว และที่สำคัญราคานับว่าสมเหตุสมผลอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากนึกอยากซื้อรองเท้าโลฟเฟอร์สักคู่ โดยมีงบประมาณ 10,000 บาท Fugashin จะอยู่ในลิสต์ตัวเลือกลำดับต้นๆ เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไม่นานมานี้ทาง Fugashin ได้มีปรับหุ่นรองเท้า หรือ Shoe Last รูปแบบใหม่เพื่อให้สอดรับกับรูปเท้าคนไทยได้มากยิ่งขึ้น และในประเทศไทยสามารถซื้อแบรนด์ Fugashin ได้ที่ร้าน The Decorum ซึ่งตั้งอยู่ในอารีย์สัมพันธ์ซอย 5 โดยรองเท้าโลฟเฟอร์ทั้ง 2 รุ่น อย่าง Alder และ Marton ราคาอยู่ที่คู่ละ 7,350 บาท

 

 

loafer

ภาพ: Curated and Co.

Berwick 1707

     จากญี่ปุ่นลัดฟ้าสู่ยุโรปโดยจุดหมายปลายทางคือเมืองอัลมานซ่า ประเทศสเปน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอีกหนึ่งแบรนด์รองเท้าโลฟเฟอร์ที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไกลระดับโลกอย่าง Berwick 1707 ถึงปี 1707 จะไม่ใช่ปีที่แบรนด์ Berwick ถือกำเนิดขึ้น แต่ปีที่เกิดเหตุการณ์ Duke of Berwick ได้ประกาศชัยชนะในสงคราม The Spanish War of Succession นั้นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์เมืองอัลมานซ่า ดังนั้นในปี 1900 ที่ Berwick ก่อตั้งขึ้นจึงเลือกใช้ 1707 เพื่อเป็นเกียรติแก่เหตุการณ์ดังกล่าว

     รองเท้าโลฟเฟอร์ของ Berwick 1707 ถูกต้องตามขนบการเป็นรองเท้าโลฟเฟอร์คุณภาพดีแทบทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการติดเย็บด้วยเทคนิค Goodyear-Welted ซึ่งถือเป็นรูปแบบการติดเย็บที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งดีไซน์ Last รองเท้ายังค่อนข้างกว้าง เหมาะกับเท้าชาวเอเชียเป็นอย่างยิ่ง ส่วนภายนอกก็ผสมผสานลงตัวระหว่างความคลาสสิกและเรียบหรู ทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถหาซื้อได้ในราคาเพียง 7,500-8,800 บาท ที่ร้าน Curated and Co. สยามแควร์ ซอย 2 

 

 



WATCH




loafer

ภาพ: Mango Mojito

Mango Mojito

     คราวนี้เป็นแบรนด์สัญชาติไทยกันบ้างนั่นคือ Mango Mojito ที่เชื่อว่าน่าจะคุ้นหูชาวเมนส์แวร์กันเป็นอย่างดี นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 ด้วยความตั้งใจที่จะพิสูจน์ว่าแบรนด์ไทยก็สามารถผลิตรองเท้าคุณภาพทัดเทียมสากลได้ Mango Mojito ถือเป็นหนึ่งในผู้นำมาโดยตลอด โดยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Mango Mojito คือเทคนิคการลงสีแบบทูโทน ดีไซน์ที่เน้นความวินเทจ และที่สำคัญคือการประณีตในทุกรายละเอียด ดั่งเช่นมอตโต้ของแบรนด์ที่กล่าวไว้ว่า “For us, we don’t see shoes as just shoes, but an art form of distinct beauty” และเมื่อเป็นแบรนด์ไทย ราคาก็ย่อมถูกกว่าแบรนด์จากต่างประเทศในระดับคุณภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งในส่วนรองเท้าหนังโลฟเฟอร์จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 6,000 บาท ที่สำคัญคือหาซื้อได้สะดวก โดยมีสาขาทั้งที่สยามสแควร์ซอย 2 และสยามพารากอน

 

loafer

ภาพ: Oliver And Co Bkk

Oliver & Co

     มาถึงแบรนด์จากประเทศเพื่อนบ้าน ทว่าก็มีคุณภาพทัดเทียมระดับโลกเช่นเดียวกันคือ Oliver & Co ที่มีต้นกำเนิดจาก White Rose Parlour ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2013 ด้วยความตั้งใจเรียบง่ายที่ว่าอยากจะสร้างรองเท้าสำหรับผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษสากล ใส่สบายและราคาเหมาะสมกับคุณภาพ แบรนด์ Oliver & Co ทำสำเร็จตามความตั้งใจอย่างงดงามด้วยเทคนิคการผลิตรองเท้าที่ประณีตทุกขั้นตอน เน้นความคลาสสิกและแข็งแรงทนทาน คุ้มค่าราคา จนครองใจชาวสิงคโปร์ได้สำเร็จ ต่อมาได้ขยายสาขาเข้าสู่ประเทศไทยโดยตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ตึก All Seasons Place สำหรับรองเท้าโลฟเฟอร์ในระดับราคา 5,000-6,000 บาท ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาก็คุณภาพระดับพรีเมียม นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

 

 

loafer

ภาพ: Ravello Shoemaker

Ravello Shoemaker

     ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติไทยที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1993 จนปัจจุบันกว่า 3 ทศวรรษแล้ว ทว่า Ravello Shoemaker กลับยังยืนหยัดอยู่ในวงการเมนส์แวร์เมืองไทยได้อย่างมั่นคง กุญแจสำคัญคงจะเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับ Ravello Shoemaker ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างรองเท้าแบบ Bolognese ที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองโบโลญ่า ประเทศอิตาลี ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มของผิวสัมผัส สวมใส่สบาย ไม่ปวดเท้า มาผสมกับเทคนิคการติดเย็บแบบ Goodyear-Welted ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดของโลกอยู่แล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นรองเท้าที่ทั้งสวมใส่สบายและแข็งแรงทนทาน ด้วยความประณีตระดับนี้ ราคารองเท้าโลฟเฟอร์ของ Ravello Shoemaker ในชื่อรุ่น Trevi ซึ่งอยู่ที่ 6,500 บาท จึงถือว่าสมเหตุสมผลไม่น้อย โดย Ravello Shoemaker ตั้งอยู่ที่ตึก Empire Tower Sathorn

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Loafer