FASHION

เปิดโลกของ Capucine สาวเพื่อนซี้ Audrey Hepburn ที่จบชีวิตด้วยความซึมเศร้า

แม้ชีวิตจะหรูหราแต่ก็มิอาจทดแทนห้วงเวลาซึมเศร้าจนพรากชีวิตเธอได้

     ห้วงเวลาของดาราผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตมักมีเรื่องไม่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์เกิดขึ้นเสมอ ความราบรื่นอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการนิยามชีวิตของเหล่าซูเปอร์สตาร์ บ้างเส้นทางโปรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ปลายทางคือโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า บ้างก็ตรากตรำกับความลำบากมาอย่างอดทนกว่าจะยืนถึงจุดสูงสุด วันนี้โว้กจะพาทุกคนไปรู้จักกับสาวสวยผู้พุ่งทะยานเสียดฟ้าในฐานะสาวงามแห่งวงการบันเทิงทั้งในยุโรปและอเมริกาที่บั้นปลายชีวิตกลับพลิกผันและจบชีวิตอย่างน่าเศร้า

Capucine ขณะถ่ายแบบในช่วงต้นของอาชีพ / ภาพ: French Sampler

     Germaine Hélène Irène Lefebvre ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นหูคุ้นตานักแต่ถ้าพูดถึง Capucine เราเชื่อว่าคนเสพความบันเทิงยุค ‘50s ถึง ‘70s จะต้องรู้จักเธออย่างแน่นอน ชีวิตเธอดูเหมือนจะสวยงามเต็มไปด้วยเรื่องราวพ่วงมากับชื่อเสียงที่เป็นเพื่อนสนิทคู่หูความงามกับ Audrey Hepburn เริ่มแรกชีวิตเธอเริ่มเหมือนเด็กสาวฝรั่งเศสทั่วไปเรียนหนังสือตามลำดับชั้นตามปกติต่อด้วยการศึกษาต่อด้านภาษาต่างประเทศในระดับปริญญา จุดนี้เองถือเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตอันรุ่งโรจน์เพราะความสามารถด้านภาษากำลังจะกลายเป็นทักษะสำคัญที่เธอต้องใช้ในอนาคต

ภาพถ่ายแฟชั่นของ Capucine ในปี 1949 ฝีมือของ Richard Avedon / ภาพ: Richard Avedon Archive

     แมวมองมีมานานหลายยุคหลายสมัย...สำหรับคนรุ่นใหม่อาจคุ้นชินกับคำว่าแมวมอง โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นไทยยุค ‘90s ต่อยุคมิลลิเนียลที่มีภาพจำแมวมองคือเหล่าผู้เฟ้นหาเด็กใหม่ตาคมตามสยาม ทว่าสำหรับเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้วเสน่ห์ของการหาดาวจรัสแสงดวงใหม่มีความละเอียดลออลึกซึ้งไปถึงกิริยา เพราะครั้งแรกที่คาปูซีนเข้าตาแมวมองคือครั้งเมื่อเธออายุ 17 ปีเธอนั่งรถม้าเดินทางในกรุงปารีส ช่างภาพคนหนึ่งเห็นเธอเข้าและสนใจเธอเข้าอย่างจัง ถึงขนาดตั้งฉายาให้กับสาววัยรุ่นว่าที่ดาวดวงใหม่ของวงการว่า “คาปูซีน” ซึ่งหมายถึงดอกไม้ประเภทหนึ่งที่มีรูปโฉมอันงดงามเตะตา



WATCH




อีกหนึ่งโมเมนต์การถ่ายแฟชั่นของ Capucine ที่ตรึงใจสาวกแฟชั่นในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี / ภาพ: La Burbuja Rosa

     จุดเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงของคาปูซีนคงต้องจารึกไว้ในฐานะนางแบบฝรั่งเศสดาวรุ่งที่ส่องประกายความโด่งดังในกรุงปารีสมาตั้งแต่แรก ในยุคเวทีแฟชั่นกำลังพัฒนาหลังยุคสงครามโลก มิติใหม่ทางศิลปะที่พรั่งพรูมาตลอดหลายปีคือคำตอบที่แสดงอย่างชัดเจนว่าคาปูซีนคือดวงดาวที่เจิดจรัสได้ถูกเวลา ผลงานสร้างชื่อคือการเป็นนางแบบประจำห้องเสื้อชื่อดังอย่าง Givenchy และ Christian Dior มากไปกว่านั้นสิ่งที่ทำให้คนจดจำเธอได้มากที่สุดจุดหนึ่งก็คือการเป็นเพื่อนกับออเดรย์ เฮปเบิร์น ซึ่งคาปูซีนและออเดรย์พบเจอกันตอนเป็นนางแบบยุครุ่งเรืองสุดขีด หลังจากนั้นทั้ง 2 คนก็คบหากันในฐานะเพื่อนสนิทตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ภาพถ่ายคู่กันของ Capucine (ซ้าย) กับเพื่อนซี้อย่าง Audrey Hepburn (ขวา) / ภาพ: The Fashion of Audrey

     ปี 1948 จุดเริ่มต้นที่ทำให้คาปูซีนสร้างชื่อในเส้นทางของตัวเองอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่เวทีการเดินแบบแต่หมายถึงเส้นทางชีวิตการแสดง เริ่มเรื่องแรกกับ The Eagle with Two Heads (1948) และ Rendezvous in July (1949) ภาพยนตร์คุณภาพที่เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์แห่งเมืองคานส์ในปีนั้น หลังจากเล่นภาพยนตร์และโลดแล่นบนเวทีแฟชั่นมานานเกือบทศวรรษ คาปูซีนก็มีโอกาสไปพบกับ Charles K. Feldman ณ มหานครนิวยอร์กในปี 1957 (บ้างก็ว่าพบกันที่ปารีส) มีบันทึกว่าชาร์ลส์พบกับคาปูซีนขณะกำลังสะท้อนความงดงามของเสื้อผ้าในฐานะนางแบบแถวหน้าจากเมืองหลวงด้านแฟชั่น ชาร์ลส์ไม่รอช้ายืืนสัญญาฉบับแรกให้กับคาปูซีนแลกกับการกรุยทางสู่ฮอลลีวู้ดในช่วงเวลาต่อมา โดยสัญญาฉบับแรกในฟากนิวยอร์กนั้นสนนรายได้ 150 เหรียญสหรัฐฯ ต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 1,400 เหรียญสหรัฐฯ ในค่าเงินปัจจุบัน ถือเป็นสาวต่างประเทศที่ก้าวเข้ามาเปิดเส้นทางฮอลลีวู้ดอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน

John Wayne ขณะร่วมฉากกับ Capucine ในภาพยนตร์เรื่อง Song Without End / ภาพ: Mostly Westerns

     หลังจากสัญญาฉบับแรก สัญญาฉบับต่อมาก็ตามมาติดๆ ปี 1958 เธอได้เซ็นกับ Columbia studios ทันทีหลังจากฝึกปรือวิชาการแสดงและภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี และปี 1960 เธอก็ได้สัมผัสประสบการณ์แสดงนำครั้งแรกในเรื่อง Song Without End ฝืมือสร้างชื่อขจรขจายไปอย่างรวดเร็วถึงขนาดมีชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำเลยทีเดียว แต่เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ฮอลลีวู้ดได้ไม่นานนัก แม้งานจะถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้งแต่คาปูซีนตัดสินใจไม่ปักหลักอยู่สหรัฐอเมริกาเพื่อกอบโกย แต่เลือกกลับไปใช้ชีวิตในยุโรปที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อเสียงของคาปูซีนโด่งดังไม่แพ้ดาราอเมริกันคนไหนๆ อีกทั้งยังเคยร่วมงานกับนักแสดงชายระดับตำนานอย่าง John Wayne มาแล้วอีกด้วย ความสามารถและรูปร่างหน้าตา รวมถึงเสน่ห์มัดใจแฟนคลับทั้งหลายทำให้คาปูซีนถูกนิยามว่า “เกิดมาเป็นเจ้าหญิง” เพราะไม่ว่าจะต้องรับบทอะไรหรือแสดงออกแบบไหน เธอสามารถเอาอยู่แทบทั้งหมด

William Holden ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่คบหาดูใจกับ Capucine ก่อนเธอจะตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง / ภาพ:  Pinterest

     แต่ชีวิตคนเราก็ไม่ได้สวยงามไปเสียทุกด้าน แม้เราจะรับรู้ว่าคาปูซีนคือหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเด็กจนถึงช่วงชีวิตการทำงาน  ทว่าสำหรับชีวิตรักมิอาจสามารถพูดได้ว่าเธอสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เธอเคยแต่งงานกับ Pierre Trabaud เมื่อพบกันตอนทำงานเรื่อง Rendez-vous de Juillet แต่กลับแต่งกันได้เพียง 6 เดือนก็หย่าร้าง หลังจากนั้นคาปูซีนก็กลายเป็นสาวที่มีช่วงเวลากุ๊กกิ๊กโรแมนติกเสมอมา บ้างก็เป็นไปได้เกือบจะสวยงาม บ้างก็ต้องเผชิญข่าวเชิงลบ มากไปกว่านั้นยังมีบันทึกจากข่าวช่วงนั้นว่าเธอเป็นไบเซ็กชวลอีกด้วย สุดท้ายแม้ความรักจะดูชุ่มฉ่ำหลายช่วงเวลาของชีวิตแต่คาปูซีนไม่เคยสมหวังในความรักถึงขั้นแต่งงานอีกเลย

Capucine ในวัย 60 ปีกับการถ่ายแฟชั่นเซตกับโว้กอิตาลีเมื่อปี 1990 / ภาพ: Vogue Italia

     บั้นปลายชีวิตกับห้วงอารมณ์แบบไบโพลาร์ที่ยากจะคาดเดา แน่นอนว่าชีวิตระดับดาราชื่อดังจะต้องผ่านความอู้ฟู่หรูหราและเต็มที่กับชีวิตมามากมาย สำหรับคาปูซีน(และคนอื่นๆ) คงเป็นเหมือนความโดดเดี่ยวในห้วงเวลาความยิ่งใหญ่ เธอมีทั้งบุคลิกความเลอค่าสง่าสมเป็นนางเอก ในอีกโลกหนึ่งเธอเหมือนหญิงสาวผู้ตรอมตรมอยู่กับห้วงความว่างเปล่า ความโดดเดี่ยวที่ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว มีแต่แมวเพียง 3 ตัวอยู่ปลอบประโลมหัวใจในช่วงเวลาสุดท้าย เธอจมปลักตัวเองอยู่ในอพาร์ตเมนต์ บรรยากาศห้องเดิมๆ นั่งอ่านหนังสือ ใช้ชีวิตอย่างนี้มา 28 ปี และแล้ววันที่ 17 มีนาคม 1990 เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น คาปูซีนตัดสินใจกระโดดลงจากอพาร์ตเมนต์ชั้น 8 ของเธอปลิดชีพตัวเองด้วยวัย 62 ปี ชีวิตของหญิงสาวคนนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการเป็นคนสำคัญบางครั้งมิอาจทดแทนห้วงเวลาความโดดเดี่ยวในจิตใจได้ ความสำเร็จไม่ได้การันตีว่าบั้นปลายชีวิตจะเผชิญแต่ความสุข ในใจมนุษย์มีความสลับซับซ้อนยากที่จะเข้าใจอยู่ไม่น้อย วันนี้เราขอไว้อาลัยแด่การจากไปแบบไม่มีวันกลับครบรอบ 29 ปี สุดยอดนางแบบและนักแสดงเพื่อนซี้ออเดรย์ เฮปเบิร์นที่หลายคนอาจลืมไป “คาปูซีน”

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Capucine