ย้อนกลับไปบนเวทีทัวร์คอนเสิร์ต Blond Ambition ในช่วงเดือนเมษายน ปี 1990 ของศิลปินหญิงระดับตำนานอย่าง Madonna ที่นอกจากโชว์ร้องเพลงและเต้นแบบจัดเต็มจะกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกแล้วนั้น มาดอนนาก็ยังได้สร้างปรากฏการณ์อีกอย่างหนึ่งให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นในเวลานั้น คือการสวมใส่ ‘Cone Bra’ สีชมพูอ่อนขึ้นโชว์บนคอนเสิร์ต โดยฝีมือการสร้างสรรค์ของ Jean Paul Gaultier แบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสในตำนาน จนกลายเป็นไอคอนิกลุคประจำตัวของเธอมาจนทุกวันนี้ กระนั้นโคนบราของมาดอนนาที่ว่าแน่...ก็อาจจะต้องพ่ายให้กับเทรนด์แฟชั่นสุดแปลกในช่วงยุค 1940s-1950s กับเทรนด์แฟชั่น ‘Bullet Bra’ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน
Bullet Bra หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘ชุดชั้นในทรงหัวกระสุน’ นั้น เป็นเทรนด์แฟชั่นสุดแปลกที่เกิดขึ้นในช่วงยุค 1940s เป็นต้นมา โดยเหล่าดาราฮอลลีวู้ดในสมัยนั้นที่ต่างพากันพยายามสร้างตัวตนให้ตัวเองกลายเป็น ‘Sex Symbol’ ซึ่งเป็นรูปแบบของหญิงสาวที่โลกฮอลลีวู้ดต้องการอย่างมากในเวลานั้น โดยเหล่าดาราสาวจะพากันสวมบราหัวกระสุนที่มีซิลูเอตเป็นกรวยทรงแหลมเอาไว้ด้านใน ก่อนที่จะสวมทับด้วยเสื้อผ้ารัดรูปเพื่อให้เห็นเป็นทรงหน้าอกของพวกเธอที่พุ่งไปด้านหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อผสมผสานกลิ่นอายความเซ็กซี่เย้ายวนเมื่อต้องปรากฏตัวต่อสายตาของคนทั่วไปและเหล่าผู้กำกับภาพยนตร์ ที่อาจจะสะดุดตาและเรียกพวกเธอไปแคสต์งานสักครั้ง
ความน่าสนใจของเทรนด์เน้นหน้าอกสุดแปลกนั้น แผ่ขยายอย่างรวดเร็ว เมื่อดาราหญิงและเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังในยุคนั้นสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็น Yolande Betbeze มิสอเมริกันในปี 1951, Anne Gwynne ดาราฮอลลีวู้ดผู้เป็นเจ้าแม่ภาพยนตร์สยองขวัญ, Patti Page นักร้องหญิงชื่อดังชาวอเมริกัน ที่เลือกสร้างความเย้ายวนให้กับตัวเองด้วยบราหัวกระสุนนี้เช่นกัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Marilyn Monroe เซ็กส์ซิมโบล์ตลอดกาลของวงการฮอลลีวู้ดที่ไม่พลาดเทรนด์นี้อย่างแน่นอน พวกเธอเหล่านี้เองที่ล้วนเป็นแรงบันดาลใจให้กับหญิงสาวทั่วอเมริกาให้ลุกขึ้นมาสวมใส่บราหัวกระสุนกันเสียยกใหญ่ จนกลายเป็นเทรนด์สุดฮิตในที่สุด
กระนั้น Bullet Bra ก็โด่งดังอยู่ช่วงทศวรรษหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่กระแสความนิยมของผู้คนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันให้ดู ‘พอเหมาะพอดี’ มากขึ้นในช่วงยุค 1960s และ 1970s เหลือทิ้งร่องรอยไว้เพียงรูปทรงกรวยปลายแหลมขนาดเล็ก และไม่ได้มีซิลูเอตแหลมพุ่งไปข้างหน้าเพื่อเน้นให้เห็นหน้าอกของผู้สวมใส่อย่างจงใจเหมือนดั่งในอดีตอีกต่อไป อีกทั้งวัสดุที่ถูกเลือกมาใช้สร้างสรรค์ก็มีความอ่อนนุ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น ดังที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน
ความงามที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด.. ย้อนรอยประเพณีการรัดเท้าของสตรีจีนยุคโบราณ
