Taylor Swift
CELEBRITY

'Taylor Swift' สำรวจทุกเส้นทางความสำเร็จของศิลปินหญิงแห่งยุค ที่มีมากกว่าความสามารถด้านดนตรี

#VogueScoop ออกเดินทางสำรวจความสำเร็จของ Taylor Swift หนึ่งใน 'ศิลปินหญิงแห่งยุค' ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทุกด้าน ตั้งแต่อุตสาหกรรมเพลงระดับโลก เรื่อยไปจนถึงพัฒนาการด้านแฟชั่นที่กลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และยังถือเป็นบุคคลสาธารณะที่ต่อสู้และยืนหยัดในการสร้างความเท่าเทียม พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในแนวสตรีนิยมและกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก ทั้งการต่อสู้กับกระแสข่าวส่วนตัวของเธอที่ถูกสื่อหิวไลก์รายงานกดทับเพศหญิงอย่างน่าอดสู หรือการใช้เสียงของตัวเองในฐานะของบุคคลในสปอตไลต์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนหรือชุมชนที่ถูกกดขี่และกีดกันออกจากสังคมเสมอมา

     ย้อนกลับไปบนเวทีงานประกาศรางวัล Grammy Awards ครั้งที่ 66 ประจำปี 2024 ศิลปินแห่งยุคนามว่า Taylor Swift ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ขึ้น ด้วยการขึ้นแท่นเป็นศิลปินที่ชนะรางวัลในสาขา Album of the Year หรืออัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี มากที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ของงานประกาศรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ ด้วยผลงานอัลบั้มทั้งหมดถึง 4 อัลบั้มได้แก่ อัลบั้ม Fearless, 1989, Folklore และอัลบั้มล่าสุดอย่าง Midnights ซึ่งอัลบั้มดังกล่าวยังสามารถชนะรางวัลในสขา Best Pop Vocal Album ไปได้อีกหนึ่งสาขารางวัลจากเวทีประกาศรางวัลดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความสำเร็จล่าสุดของเทย์เลอร์สวิฟต์ เท่านั้น เพราะหากย้อนกลับไปนานกว่านี้อีกสักหน่อย เทย์เลอร์ก็ยังเคยสร้างประวัติศาสตร์ไว้บนเวทีประกาศรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย อย่างเช่น บนเวทีประกาศรางวัล MTV Video Music Awards ปี 2023 ที่เทย์เลอร์สามารถคว้ารางวัลในสาขา Video Of The Year ได้สำเร็จ ส่งให้เธอกลายเป็นศิลปินเพียงคนเดียวบนหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลงระดับโลก ที่สามารถชนะรางวัลสาขาดังกล่าวได้มากที่สุดถึง 4 ครั้ง จากผลงานเพลง Bad Blood, You Need To Calm Down, All To Well: Short Film และ Anti-Hero

     โดยปัจจุบันเทย์เลอร์ สวิฟต์ คือศิลปินหญิงอีกหนึ่งคนในอุตสาหกรรมเพลงระดับโลกที่มีสถิติการชนะรางวัลบนเวทีประกาศรางวัลสูงที่สุด นั่นคือรางวัล Grammy Awards ทั้งหมด 14 รางวัล, รางวัล American Music Awards ทั้งสิ้น 40 รางวัล, รางวัล Billboard Music Awards ทั้งสิ้น 40 รางวัล และรางวัล MTV Video Music Awards ทั้งสิ้น 23 รางวัล นอกจากนี้ภาพยนตร์คอนเสิร์ต 'Taylor Swift: The Eras Tour' ที่สร้างมาจากฟุตเทจเบื้องหลังทัวร์คอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ ในปี 2023 ที่ผ่านมา ก็ยังสามารถทำรายได้บน Box Office ในสัปดาห์แรกที่เข้าฉายได้มากถึง 128 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทั่วโลก และทำรายได้ทั้งหมดรวมแล้ว 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่กวาดรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย

     สวิฟตี้หลายคนคงจะไม่ค่อยแปลกใจกับสถิติและการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลงระดับโลกของเทย์เลอร์ สวิฟต์ สักเท่าไหร่ เพราะเมื่อลองพิจารณาให้ถ้วนถี่ ก็จะพบว่าศิลปินหญิงคนนี้คือหนึ่งในศิลปินที่มีความสามารถ ความพยายาม และทักษะด้านดนตรีอย่างรอบด้าน เธอเริ่มต้นเส้นทางการเป็นศิลปินด้วยแนวเพลงคันทรี่กับเพลง ซึ่งซิงเกิ้ลที่สามในอัลบั้มแรกที่ชื่อ Taylor Swift อย่าง "Our Song" ก็ยังทำให้เธอกลายเป็นศิลปินที่มีอายุน้อยที่สุด ที่สามารถแต่งเพลงด้วยตัวเองและสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot Country Songs chart ได้สำเร็จ แจ้งเกิดเทย์เลอร์ สวิฟต์ ให้ดังเป็นพลุแตก กระทั่งที่ความสำเร็จในการเดบิวต์ครั้งนั้น ยังส่งให้สปอตไลต์ของวงการเพลงระดับโลกหันไปหาเธอคนนี้พร้อมกัน และยังคงประสบความสำเร็จมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเทย์เลอร์ได้เปลี่ยนแนวเพลงมาเป็นแนวเพลงป็อปแบบเต็มตัว ในอัลบั้ม 1989 เมื่อปี 2014 ก็ยิ่งส่งเสริมให้เธอประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นดีเอ็นเอความเป็นเธอมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งระหว่างทางเราก็ยังได้เคยเห็นเทย์เลอร์ สวิฟต์ วาดลวดลายร้องและเต้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกกับ Look What You Made Me Do เพลงที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าสวิฟตี้ทั่วโลกในเวลานั้น สะท้อนให้เห็นตัวตนหลายรูปแบบ และความสามารถด้านดนตรีของเธอคนนี้ให้กลายเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

     ผละจากผลงานด้านดนตรีมาไม่ไกล เทย์เลอร์ สวิฟต์ เองก็ยังเลื่องชื่อในสนามแฟชั่นไม่แพ้ศิลปินอีกหลายคน ทุกครั้งที่ศิลปินหญิงคนนี้ปรากฏตัวบนพรมแดงงานประกาศรางวัลหรือทัวร์คอนเสิร์ตก็มักจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้คนได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ชุดกระโปรงสองท่อนสีทูโทนที่งาน Grammy Awards ปี 2016, ชุดกระโปรงยาวผ่าอกสีดำขลับ ผลงานของ Alexandre Vauthier ในงานปาร์ตี้ออสการ์, ชุดสูทคัลเลอร์ฟูลของ Versace ที่งานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards ประจำปี 2019, ชุดกระโปรงสั้นปักประดับโมทีฟดอกไม้โดย Oscar de la Renta ที่งานประกาศรางวัล Grammy Awards ปี 2021 หรือจะเป็นชุดเส้นสายคริสตัลของ Oscar de la Renta ที่งาน MTV Video Music Awards ประจำปี 2022 รวมไปถึงลุคจากมิวสิกวิดีโอเพลง ‘22’ กับเสื้อยืดสกรีนลาย "NOT A LOT GOING ON AT THE MOMENT” แว่นรูปหัวใจกรอบสีแดง และหมวกสีดำ สุดไอคอนิก และอีกมากมายทั้งบนพรมแดงและบนเวทีทัวร์คอนเสิร์ตของเธอ ซึ่งพัฒนาการด้านแฟชั่นของเธอคนนี้ก็ยังคงไม่หยุดลงแค่นั้น แต่ยังสร้างเซอร์ไพรส์และเทรนด์ให้กับเหล่าสวิฟตี้ได้อยู่เรื่อยๆ ในเวลานี้

     เรื่องราวของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่ได้จบลงที่มิติของผลงานเพลงและแฟชั่นเฉพาะตัวเท่านั้น แต่เทย์เลอร์ยังถือเป็นบุคคลสาธารณะที่ต่อสู้และยืนหยัดในการสร้างความเท่าเทียม อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในแนวสตรีนิยมและกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก ทั้งการต่อสู้กับกระแสข่าวส่วนตัวของเธอที่ถูกสื่อหิวไลก์รายงานกดทับเพศหญิงอย่างน่าอดสู หรือการใช้เสียงของตัวเองในฐานะของบุคคลในสปอตไลต์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนหรือชุมชนที่ถูกกดขี่และกีดกันออกจากสังคมเสมอมา

     ในวันที่แฮชแท็กแนวสตรีนิยมอย่าง #MeToo ถูกแชร์ต่อและแพร่กระจายไปทั่วโลก เทย์เลอร์ สวิฟต์ก็คือหนึ่งในศิลปินที่ออกมายืนหยัดเคียงข้างเหล่าผู้หญิงที่ถูกทำร้ายผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่อยไปจนถึงการแสดงออกทางสัญลักษณ์เพื่อสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ ผ่านเสื้อผ้าบนคอนเสิร์ตมากมาย  หรือแม้แต่สารคดีในชื่อ ‘Miss Americana’ ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเธอโดยตรงก็ยังสามารถสร้างพลังให้กับเด็กสาวและผู้หญิงในสังคมได้มากมาย เพราะเนื้อหาในนั้นที่เธอตั้งใจถ่ายทอดออกมานั้น มันแสดงให้เห็นว่าเธอมีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยได้อย่างไร จนสามารถกลายเป็นสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจอย่างแท้จริงได้ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของเธอคือการได้รับรางวัลแกรมมี่ ซึ่งเธออธิบายว่าเป็นความสำเร็จตลอดชีวิตของเธอ ในสารคดีเธอยังเปิดใจเกี่ยวกับความผิดปกติในการรับประทานอาหารของเธอ ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นช่วงมืดมนในชีวิตของเธอ ทั้งหมดนั้นเองที่เป็นเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจที่สามารถช่วยยกระดับจิตใจผู้หญิงอีกหลายคนในสังคมที่ติดตามเธออยู่ได้ ให้ได้ตระหนักว่าชีวิตทุกคนไม่ได้สวยงาม มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง แม้แต่ตัวของเธอเองที่ผ่านเรื่องราวมากมายและอยู่เคียงข้างทุกคน ไม่เพียงเท่านั้น ในประเด็นของการแต่งเพลงของเทย์เลอร์ที่มักถูกค่อนแคะว่า เป็นการนำเรื่องราวความสัมพันธ์ในชีวิตกับคู่รักของเธอในอดีตมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง หากมองในอีกมุมหนึ่ง นี่คือความหาญกล้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่ลากเอาเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิงออกมาพูดในที่สาธารณะ และไม่ปล่อยให้เรื่องความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่คุ้นปากผู้ชายหรือถูกพูดโดยผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว แต่กล้าที่จะเสนอมุมมองของผู้หญิงด้วย

     ความกล้าหาญอย่างต่อเนื่องของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่มีต่อชุมชนผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับเด็กรุ่นใหม่เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ กระทั่งที่ในปี 2022 ที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่เธอได้เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา Fine Arts จากมหาวิทยาลัย New York University (NYU) เธอก็ยังไม่ลืมที่จะขึ้นกล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับวัฒนธรรม Cancel Culture เอาไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า “ถ้าเธอไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกับดาราเด็กคนอื่นๆ ในอเมริกา เธอก็อาจจะถูกโจมตีจาก Cancel Culture ที่คนดังหลายคนเจอเหมือนกัน การทำพลาดเท่ากับพัง และจะหมดสิทธิ์ที่จะมีความสุขหรือได้รับรางวัลในชีวิตไปเลย แต่ในอีกแง่หนึ่งสำหรับฉันแล้ว การถูกแบนในโลกอินเตอร์เน็ต หรือเกือบจะสูญเสียอาชีพของตัวเองไป ได้มอบความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้ทุกแง่ทุกมุมให้กับฉันมากกว่า” ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่สะท้อนให้เห็นว่า การได้รับสมญานามว่าเป็น “ศิลปินแห่งยุค” นั้น ไม่ใช่เรื่องเกินจริงสำหรับเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทุกด้าน



WATCH




WATCH

คีย์เวิร์ด: #VogueScoop #TaylorSwift