แนะนำ 7 โทนเนอร์พร้อมคืนสมดุลให้ผิว ทั้งยังบำรุงในขั้นตอนต่อไป

หลายคนข้ามขั้นตอนการใช้โทนเนอร์ไป เพราะมองว่าไม่จำเป็นเท่ากับเซรั่มหรือครีม แต่นั่นอาจเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าโทนเนอร์ในปัจจุบันมีสูตรโทนเนอร์ล้ำหน้ากว่าที่เคย เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อผิวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้ความชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน และขจัดคราบสกปรกและน้ำมัน แต่ในตัวเลือกของโทนเนอร์ที่มีเป็นสิบเป็นร้อย อาจทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าจะเลือกใช้โทนเนอร์ชิ้นใดดี วันนี้โว้กบิวตี้จึงหยิบมาแนะนำกันในบทความนี้ มาเก็บลิสต์โทนเนอร์ใช้ดีไปพร้อมกันได้เลย

1 / 7

SK-II Facial Treatment Clear Lotion Toner

โทนเนอร์จากแบรนด์ SK-II มีส่วนประกอบตัวดังของแบรนด์คือ Pitera™ ซึ่งจะมีสารอาหารอนุภาคเล็ก 50 ชนิด โดยสารเหล่านี้จะเข้าปรับสภาพผิวให้สมดุล ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น รู้สึกผ่อนคลายเมื่อใช้ และช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำและไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้โทนเนอร์ยังช่วยทำความสะอาดรูขุมขนอย่างละเอียด เคลียร์สิ่งสกปรกที่การล้างหน้าทำได้ไม่ดีพอ

ปริมาณ 230 มล.

ราคา 3,700 บาท

2 / 7

Innisfree Green Tea Hyaluronic Acid Toner

ชาเขียวมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนัง ลดรอยแดง และลดอาการบวมได้ โทนเนอร์ที่มีชาเขียวจาก Innisfree ตัวนี้ จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแดงเป็นอย่างยิ่ง หลังใช้จะรู้สึกได้ทันทีถึงความเบาและอ่อนโยน ช่วยให้สิวที่กำลังผุดขึ้นลดลง อีกทั้งยังช่วยลดรอยแดงและรอยที่เกิดจากสิวด้วย

ปริมาณ 160 มล.

ราคา 900 บาท

3 / 7

Fresh Rose & Hyaluronic Acid Deep Hydration Toner

หากต้องการให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน อิ่มน้ำ และมีสุขภาพดี แนะนำโทนเนอร์ตัวนี้จาก Fresh ซึ่งเป็นสูตรมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยมีส่วนประกอบของน้ำกุหลาบและกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสองอย่างนี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยลดขนาดรูขุมขน สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวผสม และผิวมัน

ปริมาณ 250 มล.

ราคา 1,900 บาท

4 / 7

Fenty Skin Fat Water Hydrating Milky Toner

โทนเนอร์เอสเซนส์เนื้อน้ำนมเข้มข้น จาก Fenty Beauty อัดแน่นด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบ และเสริมปราการความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรง พร้อมช่วยให้ผิวฟื้นตัวจากความเครียด ปลอบประโลมผิวให้สดชื่นและผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังช่วยกระชับรูขุมขน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ มอบกลิ่นหอมสดชื่นบางเบา สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว

ปริมาณ 150 มล.

ราคา 1,480 บาท

5 / 7

Thayers Alcohol-Free Rose Petal Witch Hazel Facial Toner

โทนเนอร์ตัวดังที่ช่วยทั้งทำความสะอาด เติมความชุ่มชื้น ซ่อมแซมและเติมเต็มผิวจากภายในสู่ภายนอก หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของ Thayers ผสมผสานส่วนผสมอันทรงพลัง 3 ชนิด ได้แก่ น้ำกุหลาบ ว่านหางจระเข้ และวิชฮาเซล โดยน้ำกุหลาบจะทำความสะอาดรูขุมขนอย่างอ่อนโยน ขจัดสิ่งสกปรกและช่วยให้ผิวกระจ่างใส ส่วนว่านหางจระเข้ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน และสุดท้ายคือวิชฮาเซลออร์แกนิกที่มีประโยชน์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันไม่ให้สิวลุกลาม

ปริมาณ 355 มล.

ราคา 690 บาท

6 / 7

Neutrogena Alcohol-Free Facial Toner

หากกำลังมองหาโทนเนอร์ราคาย่อมเยาที่ใช้ได้ทุกวัน แนะนำโทนเนอร์จาก Neutrogena ซึ่งโดดเด่นเรื่องความสามารถในการฟื้นฟูผิว ช่วยทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนโดยขจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนอย่างล้ำลึก นอกจากนี้ยังให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างอ่อนโยน ด้วยการเพิ่มแพนทีนอลในรายการส่วนผสม (วิตามินบี 5 มีคุณสมบัติช่วยลดการสูญเสียน้ำในผิวหนัง) เหมาะมากกับผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายเพราะเป็นสูตรที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

ปริมาณ 150 มล.

ราคา 199 บาท

7 / 7

The Ordinary Direct Acids Glycolic Acid 7% Toning Solution

โทนเนอร์จาก The Ordinary เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับความหมองคล้ำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ผสานด้วยส่วนผสมเด่นอย่าง Glycolic Acid 7% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ทั้งยังมีอนุพันธ์ของ Tasmanian Pepperberry ที่ช่วยลดการระคายเคือง ส่วนรากโสมและว่านหางจระเข้ช่วยเรื่องความเปล่งปลั่งและมอบความผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังเป็นสูตรที่ปราศจากซัลเฟต น้ำมัน แอลกอฮอล์ ซิลิโคน และน้ำหอม

ปริมาณ 240 มล.

ราคา 1,490 บาท

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโทนเนอร์ แนะนำให้ใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า และไม่ว่าผิวจะบอบบางหรือผิวเป็นสิวง่ายและต้องการการขจัดความมันส่วนเกิน หรือผิวแห้งและต้องการความชุ่มชื้นมากขึ้น โทนเนอร์จึงเป็นไอเท็มสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถจัดการกับปัญหาผิวเหล่านี้ทั้งนั้น ทั้งนี้ไม่ควรลืมเลือกใช้สูตรให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นหลักด้วย

ภาพ : Courtesy of brands

TAGS : #Toner