SKINCARE

แนะนำ 5 ประโยชน์ของการใช้โทนเนอร์เช็ดผิวเป็นประจำ

การเพิ่มโทนเนอร์ในกิจวัตรดูแลผิวเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ผิวหน้าที่กระจ่างใสยิ่งขึ้น

     โทนเนอร์เป็นสกินแคร์ที่ใช้หลังการล้างหน้า แต่จะใช้ก่อนการบำรุงด้วยเอสเซนส์หรือมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งการใช้โทนเนอร์ถือเป็นอีกสเต็ปที่ควรใส่ในรูทีนการดูแลผิว ทว่าหลายคนอาจข้ามขั้นตอนนี้ไปเพราะไม่เห็นความจำเป็น และยังไม่รู้ว่าโทนเนอร์มีประโยชน์อย่างไร วันนี้โว้กบิวตี้จึงจะมาบอกข้อดีต่างๆ และประโยชน์ของโทนเนอร์ที่ดีต่อผิวที่เมื่อคุณรู้แล้วจะทำให้คุณอยากใช้โทนเนอร์ทุกวัน

 

 

1. คืนความสมดุลให้ผิวหลังล้างหน้า

     เคยรู้สึกผิวแห้งหลังล้างหน้าไหม...นั่นเพราะน้ำยาทำความสะอาดบางชนิดรุนแรงต่อผิวและอาจมีส่วนผสมที่ทำลายความสมดุล หรือค่า pH ตามธรรมชาติของผิวทำให้มีผิวอาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบ หรือเกิดความแห้งกร้าน ซึ่งการใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้าจะช่วยคืนความสมดุลให้กับผิว รักษาระดับค่า pH ที่เหมาะสมคือ 5.5 ป้องกันไม่ให้รู้สึกตึงหรือแห้งจนเกินไป รวมถึงเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรีย ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี

 

 

2. ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และช่วยให้ผิวรับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น

     การใช้โทนเนอร์มีจุดประสงค์เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังการล้างหน้า เหตุผลที่ควรใช้โทนเนอร์หลังจากทำความสะอาดผิวทันที นั่นก็เพราะหลังล้างหน้าผิวมักจะแห้งตึง ซึ่งผิวที่แห้งจะไม่สามารถรับการบำรุงได้ดีเท่าผิวที่มีความชุ่มชื้น แต่โทนเนอร์จะเข้ามาช่วยเตรียมผิวให้รับความชุ่มชื้นจากสกินแคร์สำหรับบำรุงได้ดีขึ้น โทนเนอร์หลายตัวมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นเพิ่มเติม เพื่อกักเก็บน้ำไว้กับผิวได้ยาวนานขึ้น รวมถึงการใช้โทนเนอร์ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เอสเซนส์ เซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ หรือครีม ผิวจะสามารถดูดซึมพวกมันได้ดีและล้ำลึกยิ่งขึ้น

 



WATCH



 

3. ช่วยกระชับรูขุมขน สิ่งสกปรกซึมผ่านเข้าผิวได้ยาก ป้องกันการเกิดสิว

     รูขุมขนกว้างนอกจากจะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนแล้ว แต่น้ำมันและสิ่งสกปรกต่างๆ จะเข้าสู่ผิวได้มากขึ้นเมื่อรูขุมขนกว้าง สิ่งสกปรกเหล่านี้ทำให้ผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดสิว ซึ่งการใช้โทนเนอร์เป็นประจำจะช่วยกระชับรูขุมขนและลดขนาดรูขุมขนให้เล็กลง ดังนั้นเมื่อสิ่งสกปรกจะซึมผ่านเข้าผิวได้ยากขึ้น น้ำมันและสารตกค้างจะเข้าสู่ผิวได้น้อยลง จะทำให้ช่วยป้องกันการเกิดสิว ผิวจะสะอาดและดูสดชื่นขึ้น นอกจากนี้ผิวจะดูละเอียดและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

 

4. ช่วยทำความสะอาดผิว ขจัดความมันและเมกอัปออกหมดจด

     แม้หลังจากทำความสะอาดผิวด้วยเคลนเซอร์แล้ว สิ่งสกปรกบางส่วนอาจตกค้างอยู่บนผิว ซึ่งอาจเป็นเครื่องสำอางที่หลงเหลืออยู่ หรือมีน้ำมันบางส่วนที่เคลนเซอร์ทิ้งไว้ อีกหนึ่งจุดประสงค์หลักของการใช้โทนเนอร์คือการกำจัดสิ่งเหล่านั้นและทำความสะอาดรูขุมขนจากภายใน โทนเนอร์จะช่วยขจัดความมัน สิ่งสกปรกส่วนเกิน หรือสารอื่นๆ ที่หลงเหลืออยู่บนผิว จึงช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดโอกาสในการเกิดสิว เผยผิวที่สดใสและสุขภาพดีขึ้น

 

 

5. ช่วยปลอบประโลมผิว และควบคุมความมัน

     โทนเนอร์บางตัวมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น ดอกคาโมไมล์ ว่านหางจระเข้ หรือสารสกัดจากชาเขียว ส่วนผสมเหล่านี้สามารถลดรอยแดงและการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูและปลอบประโลมผิวที่ระคายเคืองหรือแพ้ง่ายให้สดชื่นขึ้น นอกจากนี้โทนเนอร์ยังสามารถช่วยควบคุมการผลิตซีบัม (น้ำมันตามธรรมชาติของผิวหนัง) ไม่ให้ผลิตมากจนเกินไป ซึ่งโทนเนอร์มีส่วนผสมที่ช่วยสมานแผล เช่น วิชฮาเซล และทีทรีออยล์ จะช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวได้อย่างอ่อนโยน ลดโอกาสรูขุมขนเกิดการอุดตัน

 

     กล่าวโดยสรุปแล้วจุดประสงค์หลักของการใช้โทนเนอร์นั้นเพื่อคืนค่าความสมดุล และมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังการทำความสะอาด สร้างความพร้อมให้ผิวดูดซึมการบำรุงจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดขนาดรูขุมขน กระชับผิว ขจัดความมันและสิ่งสกปรกให้สะอาดหมดจด เรียกได้ว่ามีประโยชน์ดูแลผิวได้รอบด้าน รู้อย่างนี้แล้วก็ไปตามหาโทนเนอร์ที่เหมาะกับผิวของคุณกันต่อได้เลย

 

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Toner