Louis-Vuitton-Tambour-Watch-Collection-Compilation-History-2023
WATCHES & JEWELLERY

ย้อนชมเส้นทางในโลกแห่งเครื่องบอกเวลาของ Tambour นาฬิการะดับไอคอนของ Louis Vuitton

ดูเหมือนว่าหลุยส์ วิตตองกำลังจะเบนเข็มออกจากการสร้างสรรค์แค่ 'นาฬิกาแฟชั่น' ไปสู่ 'นาฬิกาชั้นสูง' ที่เน้นกลไกประสิทธิภาพสูงคู่กับดีไซน์สุดประณีต

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 แบรนด์แฟชั่นและเครื่องหนังเก่าแก่จากประเทศฝรั่งเศส Louis Vuitton ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเรือนเวลาอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกด้วยนาฬิกาข้อมือที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งบ้านนาฬิกาของแบรนด์ โดยใช้ชื่อผลงานว่า Tambour ที่แปลว่ากลองในภาษาฝรั่งเศส สื่อถึงตัวเรือนทรงกลมเหมือนรูปทรงกลอง ด้วยการที่เป็นนาฬิกาข้อมือดีไซน์คลาสสิกที่สามารถนำไปพลิกแพลงปรับโฉมเป็นผลงานได้นับไม่ถ้วน หลุยส์ วิตตองจึงนำผลงานระดับไอคอนชิ้นนี้มาสร้างสรรค์เป็นผลงานลวดลายใหม่ๆ ในตลอดระยะเวลา 20 ปีผ่านมา รวมถึงขยายเป็นผลงานคอลเล็กชั่นย่อยที่มีสไตล์และการใช้งานแตกต่างกันออกไปเช่น Tambour Monogram นาฬิกาแฟชั่นที่นำลายโมโนแกรมมาประดับทั่วตัวเรือน Tambour Street Diver นาฬิกาดำน้ำสไตล์สตรีต-อาวองการ์ด และนาฬิกาสมาร์ตวอตช์ Tambour Horizon Light Up Connected Watch กับหน้าปัดดิจิทัลที่มีดิสเพลย์ให้เลือกมากมาย รวมถึงผลงานฉลองวาระครบรอบ 20 ปี อย่าง Tambour Twenty  ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กับนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟคุมโทนหน้าปัดและตัวเรือนสีน้ำตาล เพื่อเป็นการสดุดีให้กับดีไซน์แรกของตอมบูร์

1 / 4

นาฬิกาสมาร์ตวอตช์ Tambour Horizon Light Up Connected Watch จาก Louis Vuitton


2 / 4

Tambour Street Diver นาฬิกาดำน้ำสไตล์สตรีต-อาวองการ์ดจาก Louis Vuitton


3 / 4

Tambour Monogram นาฬิกาแฟชั่นที่นำลายโมโนแกรมมาประดับทั่วตัวเรือนจาก Louis Vuitton


4 / 4

Tambour Twenty นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟคลุมโทนหน้าปัดและตัวเรือนสีน้ำตาลจาก Louis Vuitton


ในปี 2023 หลุยส์ วิตตองเปิดฉากแรกของศตวรรษใหม่ให้กับคอลเล็กชั่นตอมบูร์ด้วยเรือนเวลายูนิเซ็กซ์อย่าง Tambour เหมือนชื่อคอลเล็กชั่นหลักแบบไม่ต้องมีคำขยายความอื่นใด เพราะดีไซน์ของนาฬิกาเรือนนี้ถูกลดทอนความโอ่อ่าของสไตล์อาวองการ์ดให้มีเพียงแกนดีไซน์หลัก โดดเด่นด้วยวัสดุแข็งแรงทนทานอย่างสเตนเลสสตีลที่ถูกนำมารังสรรค์เป็นตัวเรือนรูปทรงกลองแบบดั้งเดิม เพียงปรับให้บางขึ้นรับกับสายข้อมือในวัสดุเดียวกัน เน้นรายละเอียดให้สวมเข้ากับข้อมือได้สบาย พิเศษด้วยหน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร ดีไซน์ใหม่ถึง 2 สีได้แก่ สีเงินและสีน้ำเงิน โดยหน้าปัดได้ถูกแบ่งเป็น 4 ส่วนได้แก่ หน้าปัดวงนอกที่บอกเวลาหน่วยนาที วงหน้าปัดที่ประดับด้วยตัวเลขอาราบิกทองคำขาวบอกเวลาหน่วยชั่วโมง หน้าปัดย่อยตรงบริเวณหกนาฬิกาที่บอกเวลาแบบวินาที และหน้าปัดวงในที่โทนสีสว่างกว่าบริเวณอื่นที่มีชื่อแบรนด์ประดับอยู่เพื่อแสดงถึงที่มาของการเป็นแบรนด์แฟชั่นอย่างน่าภูมิใจ นอกจากนี้ยังมีการสลักตัวอักษรทั้ง 12 ตัวเป็นคำว่า “ LOUIS VUITTON” ตามบริเวณขอบหน้าปัดตามตำแหน่งตัวเลขบอกเวลาทั้ง 12 ตำแหน่ง อีกด้วย



WATCH




นาฬิกาข้อมือรุ่น Tambour ตัวเรือนและสายสตีล ดีไซน์หน้าปัดสีน้ำเงินจาก Louis Vuitton

ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของ La Fabrique du Temps Louis Vuitton โรงงานผลิตนาฬิกาชั้นสูงของแบรนด์ที่ตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เต็มไปด้วยเหล่าช่างทำนาฬิกาผู้ช่ำชองที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่เพียงความโดดเด่นขององค์ประกอบศิลป์เท่านั้น ทว่ายังให้ความสำคัญกับกลไกที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพขั้นสูงสุดอย่างคาร์ลิเบอร์ใหม่ LFT023 สามารถสำรองเวลาได้ 50 ชั่วโมง ซึ่งได้รับการรับรองจาก Geneva Chronometer Observatory อีกด้วย ซึ่งแลดูเหมือนว่าหลุยส์ วิตตองกำลังจะสลัดคราบให้กับผลงานนาฬิกาแฟชั่นให้กลายเป็นนาฬิกาชั้นสูงที่เน้นกลไกประสิทธิภาพสูงคู่ไปกับดีไซน์ตระการตาสุดประณีต ด้วยแนวทางในการพัฒนาด้วยมุมมองใหม่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของลูกชายคนสุดท้องของ Bernard Arnault ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทลักชัวรี LVMH อย่าง Jean Arnault หนุ่มไฟแรงวัย 25 ปีที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาแผนกนาฬิกาของหลุยส์ วิตตองเมื่อปี 2021 ดังนั้นเหล่าสาวกเรือนเวลาต้องจับตาดูว่าหลุยส์ วิตตองจะเดินไปทิศทางใดในโลกแห่งเรือนเวลา โดยประกันได้ว่านาฬิกาตอมบูร์รุ่นนี้คือสัญญาณแห่งการเริ่มต้นของผลงานเรือนเวลาที่น่าสนใจอย่างแน่นอน

นาฬิกาข้อมือรุ่น Tambour ตัวเรือนและสายสตีล ดีไซน์หน้าปัดสีเงินจาก Louis Vuitton

ภาพ : Courtesy of Louis Vuitton

WATCH

คีย์เวิร์ด: #LVTambour #LouisVuttionWatches #LouisVuitton