ในยุคสมัยที่คำว่าคอแลบอเรชั่นยังไม่ถูกนิยามขึ้นอย่างจริงจัง รูปแบบการจับมือเพื่อสรรสร้างชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่ และต่อมามันกลายเป็นไอเท็มชิ้นพิเศษที่มีมูลค่าทางเม็ดเงินและคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันยากจะหาสิ่งใดมาเทียบ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องราวของ Cartier x Patek Philippe ที่เราคงไม่ได้เห็นการร่วมงานกันอย่างจริงจังเท่านี้อีกแล้ว ซึ่งผลงานการจับมือของ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกเพิ่งถูกประมูลไปได้ไม่นาน และเรื่องราวของมันก็ทำให้โว้กจึงหยิบมาเล่าถึงความพิเศษเหนือระดับที่ไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้

     นาฬิกาแบบพกพาประทับตราคาร์เทียร์และปาเต็กฟิลิปป์คือเรือนเวลาชิ้นประวัติศาสตร์ที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ นาฬิกาแบบพกเรือนนี้ถูกผลิตขึ้นเมื่อปี 1919 ความพิเศษคือเรือนบอกเวลาดังกล่าวใช้กลไกของปาเต็กฟิลิปป์ อีกทั้งยังมีรูปแบบงานออกแบบตัวเรือนเป็นของแบรนด์เก่าแก่จากสวิตเซอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีการประทับคำว่า “Swiss” บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเรือนบอกเวลานี้ผลิตตามมาตรฐานแบบฉบับชาวสวิสเท่านั้น แล้วทำไมนาฬิกาแบบพกของปาเต็กฟิลิปป์ถึงถูกประทับตราและส่งมอบให้ลูกค้าระดับสูงด้วยแบรนด์คาร์เทียร์ คำตอบอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์นาฬิกาเมื่อเกือบศตวรรษก่อน

     ย้อนกลับไปเกือบศตวรรษที่แล้ว คาร์เทียร์มุ่งเน้นการสรรสร้างจิวเวลรีระดับสูง มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเจียระไนและออกแบบจิวเวลรีเป็นหลัก จักรวาลนาฬิกาถือเป็นอีกโลกที่มีแต่แบรนด์เชี่ยวชาญนาฬิกาโดยตรงครอบครองเป็นส่วนใหญ่ ทว่าความต้องการของลูกค้าคาร์เทียร์ก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นาฬิกากลไกพื้นฐานทั่วไป ลูกค้าวีไอพีหลายคนต้องการความสลับซับซ้อนเชิงกลไก ในขณะเดียวกันก็ยังอยากครอบครองนาฬิกาที่ขึ้นชื่อว่าแบรนด์คาร์เทียร์ วิธีการตอบสนองลูกค้าคือการให้เมซงนาฬิกาชั้นสูงอย่างปาเต็กฟิลิปป์เป็นผู้ผลิต และส่งมอบต่อด้วยการประทับชื่อแบรนด์คาร์เทียร์ไปพร้อมกัน

     นาฬิกาพกเรือนที่ถูกประมูลไปเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2023 คือนาฬิกาแบบพกที่มีกลไกซับซ้อนอย่าง Minute Repeater ซึ่งแน่นอนว่าในยุคสมัยนั้นคาร์เทียร์ยังไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการทำนาฬิกาเทียบชั้นแบรนด์อย่างปาเต็กฟิลิปป์ ซึ่งการร่วมมือกับแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก นาฬิกาแบบพกเรือนนี้จึงอาจเป็นนาฬิกาแบบพกเรือนเดียวที่ปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์นาฬิกาว่าคาร์เทียร์และปาเต็กฟิลิปป์จับมือกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานเหนือระดับ โดยตัวเรือนทำจากวัสดุทอง 18k และอย่างที่กล่าวไปว่าซ่อนกลไกภายในเป็นกลไก Minute Repeater ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดกลไกอันซับซ้อนจากยุคเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว

     สิ่งที่ยืนยันว่านาฬิกาเรือนนี้ขายภายใต้แบรนด์คาร์เทียร์แม้จะมีการประทับอักษร “PATEK PHILIPPE & CIE GENEVE” ไว้บนหน้าปัดคือตราคาร์เทียร์ถูกประทับบนหน้าปัดด้วยตัวพิมพ์หนาด้านบน และมีการประทับสลักตัวเลขโค้ดของคาร์เทียร์ไว้บริเวณด้านหลังด้วย การันตีอย่างชัดเจนว่านี่เป็นสินค้าของคาร์เทียร์อย่างแน่นอน มากไปกว่านั้นตัวสายโซ่ทองยังทำจากวัสดุทองคำขาวและทอง 14k ตรงตามสเป็กของคาร์เทียร์ที่ส่งมอบสู่มือลูกค้าคาร์เทียร์จากร้านในมหานครนิวยอร์ก หลักฐานตรงนี้ทำให้ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่านาฬิกาแบบพกปาเต็กฟิลิปป์เรือนนี้อยู่ภายใต้การจัดขายของคาร์เทียร์โดยสมบูรณ์

     สิ่งที่เชื่อมโยงกับหลักฐานการวางขายในมหานครนิวยอร์กอีกจุดหนึ่งคือนาฬิกาเรือนนี้ตัวกลไกมีการประทับโค้ด “HOX” ซึ่งเป็นหลักฐานที่ระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์ที่ถูกนำเข้าสู่สหรัฐอเมริกา นาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นนาฬิกาทรงคุณค่าที่มีเพียงลูกค้าระดับสูงเท่านั้นที่จะสามารถยื่นขอซื้อหรือขอให้คาร์เทียร์สรรสร้าง(หรือหาวิธีสรรสร้าง)เพื่อตอบโจทย์ความต้องการล้ำหน้ากาลเวลาและความเชี่ยวชาญยุคนั้นได้ โดยเจ้าของคนแรกของ Dr.Janos Kossalka วิศวกรโครงสร้างและศาสตราจารย์ด้านการก่อสร้างสะพานชาวฮังการี ผู้คว้าเหรียญทองจาก “Engineering Society” ในปี 1921 ต่อมานาฬิกาถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและนำมาสู่การประมูลในปี 2023 นี้เอง

     เรื่องราวเหล่านี้ถูกผลิตซ้ำอย่างหลากหลาย คาร์เทียร์เลือกดีไซน์ที่เหมาะกับแบรนด์เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างเต็มที่ หากย้อนกลับไปในหน้าประวัติศาสตร์จะเห็นว่าคาร์เทียร์เลือกสรรนาฬิกากลไกซับซ้อนจากแหล่งชั้นนำ อาทิ Audemars Piguet, Vacheron Constantin และ Jaeger-LeCoultre เป็นต้น แต่ความพิเศษของเรือนเวลาจากปาเต็กฟิลิปป์ในนามคาร์เทียร์ขนาด 48 มม. ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหน้าปัดเองก็พิเศษไม่แพ้องค์ประกอบอื่นๆ โดยหน้าปัดเงินโดดเด่นด้วยหน้าต่างบอกเวลาย่อย มาพร้อมกับตัวเลขอารบิกบอกเวลาบนหน้าปัดหลักแบบ Breguet Numerals และหลักบอกนาทีที่ทำจากวัสดุมุก ทำให้นาฬิกาแบบพกเรือนนี้สมบูรณ์แบบในทุกมิติ นับเป็นนาฬิกาประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึกและคงหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว การประมูลปิดราคาไปที่ 60,480 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 2,387,000 บาท (ตามค่าเงินวันที่ 20 พฤศจิกายน 2023)

 

ภาพและข้อมูล: Christie's