Vogue Thailand

WATCHES & JEWELLERY

เปิดเรื่องราว 'Dolce&Gabbana' Alta Gioielleria Roma 2025 จิวเวลรีชั้นสูงสไตล์ดีวาอิตาเลียน

Alta Gioielleria Roma 2025 ความงามแบบ Dolce Vita จากอัญมณีล้ำค่า งานฝีมืออันประณีต และสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาจากกรุงโรม

โดย Ausadawut Virangkul
29 สิงหาคม 2568

     ท่ามกลางบรรยากาศอันเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ของ Teatro Marittimo ณ Villa Adriana เมือง Tivoli บทกวีแห่งศิลปะได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เมื่อ Dolce&Gabbana เผยโฉมคอลเล็กชั่นจิวเวลรีสุดหรู 'Alta Gioielleria Roma 2025' อย่างเป็นทางการ ด้วยผลงานชิ้นเอกที่ผสานแรงบันดาลใจจากศิลปะแบบคลาสสิก เข้ากับความวิจิตรบรรจงของงานฝีมือสไตล์อิตาเลียน เพื่อยกย่องความยิ่งใหญ่ของ 'กรุงโรมอันเป็นนิรันดร์' ที่:ซึ่งรายล้อมไปด้วยซากปรักหักพังของพระราชวังฤดูร้อน ที่จักรพรรดิฮาเดรียนทรงโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อพักผ่อน ครุ่นคิด และแสวงหาปัญญา 

     โดยผลงานชิ้นไฮไลต์นี้เกิดจากการตีความภาษาสุนทรียะแห่งจักรวรรดิผ่านความประณีตขั้นสูง รูปทรงสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ที่กลายมาเป็นทั้งโครงสร้างและเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มโค้งรูปวงกลม, เพดานหน้าจั่ว, เสาแถว, หัวเสา และลวดลายโครินเธียน ที่ถ่ายทอดผ่านการออกแบบโซ่, การประดับ, รายละเอียดดีเทล และรูปทรงที่แฝงนัยยะสำคัญทางประวัติศาสตร์

     จี้บางชิ้นจำลองเป็นรูปปั้นสุดคลาสสิก โดยใช้เทคนิคใหม่ที่ผสมผงหินอ่อน ในขณะที่บางชิ้นใช้ไมโครโมเสกหิน ที่ตีความศิลปะโมเสกโรมันรูปแบบจิ๋ว คู่กับภาพจิตรกรรมขนาดเล็กวาดมือ เผยให้เห็นภาพวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง และจี้ชาร์มที่มีสัญลักษณ์จากภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณ ได้ถูกสร้างสรรค์ใหม่ด้วยมุมมองความงามร่วมสมัย รวมถึงการเลือกใช้เฉดสีของอัญมณี ไม่ว่าจะเป็น ไพลิน, คุนไซต์, รูเบลไลต์, อินดิโคลไลต์, เพอริดอท, มอร์กาไนต์ รวมถึงเพชร, มรกต และอะความารีน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโมเสกของวิลล่าโรมันที่ยังคงความงดงามจนถึงทุกวันนี้ 

     โดยคอลเล็กชั่นนี้ยังโอบรับภาพลักษณ์อีกด้านหนึ่งอย่าง ดีวาแห่งวงการภาพยนตร์อิตาเลียน และ Dolce Vita ชุดเครื่องประดับหรูหราที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ด้วยองค์ประกอบที่สมดุล ชวนให้ระลึกถึงผลงานชิ้นเอกแห่งจิวเวลรี่ชั้นสูงของอิตาลีในยุค 1950s และ 1960s ที่เหล่านักแสดงหญิงชื่อดังสวมใส่ในโอกาสพิเศษที่สุดของพวกเธอ ด้วยอัญมณีธรรมชาติที่มีน้ำหนักกะรัตสูง พร้อมการออกแบบที่ตระการตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง บางชิ้นงานเป็นการยกย่องต่อจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของกรุงโรม ด้วยการอ้างอิงถึงสัญลักษณ์ทางศาสนาและความศรัทธาของประชาชน ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความอ่อนไหวและงดงาม อาทิ รูปกางเขน, กามเทพน้อย และหัวใจศักดิ์สิทธิ์ ผสมผสานกับทองคำและอัญมณีล้ำค่า สร้างสรรค์เป็นองค์ประกอบที่ลงตัว

    นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของอัญมณีต่าง ๆ ได้แก่ 'อะความารีน' ซึ่งเกี่ยวข้องกับชาวเรือโรมันในฐานะเครื่องรางป้องกันภัย ปะการังเมดิเตอร์เรเนียน ที่เป็นสัญลักษณ์ของความงามและโชคลาภ และเทอร์ควอยซ์แบบคาโบชอง ที่สะท้อนบทสนทนาทางวัฒนธรรมระหว่างอียิปต์ มักนา กราเซีย และจักรวรรดิโรมัน ซึ่งมักพบในหมวกกันน็อก, ชุดเกราะ และเครื่องประดับต่าง ๆ นอกจากนี้ อัญมณีบางชิ้นยังผสมผสานเหรียญจักรพรรดิแท้ เช่น เหรียญออเรียม ที่ทั้งเรียบหรูและสง่างาม

     อีกทั้งยังนำเสนอแหวนเชอวาลิเยร์ (chevalier rings) ที่ได้รับการคัดสรรอย่างประณีต แรงบันดาลใจจากแหวนที่เหล่าผู้บัญชาการและชนชั้นปาทริเชียนแห่งโรมสวมใส่ จับคู่กับกระดุมข้อมือที่ออกแบบมาเข้ากันได้อย่างลงตัว 

     ปิดท้ายคอลเล็กชั่นด้วยนาฬิกาจิวเวลรีชุดพิเศษ ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความงดงามของชุดเครื่องประดับ โดยมีสายรัดข้อมือประดับด้วยอัญมณีหลากสีหรือโทนสีเดียวกันอย่างประณีต พร้อมเปิดตัวไลน์นาฬิกาใหม่ 'Mirage' รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ประดับด้วยอัญมณีเจียระไนแบบบาเก็ตต์ที่มีน้ำหนักกะรัตสูง ทั้งในเวอร์ชั่นโทนสีเดียวและรุ้งหลายเฉด ตัวเรือนทรงกลมหรือสี่เหลี่ยม ได้รับแรงบันดาลใจจากเรขาคณิตโรมันที่เห็นได้ทั้งในอนุสาวรีย์ และลวดลายตกแต่งของพรมทอและชุดเกราะ 

ตามไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dolce&Gabbana ได้ที่ (ซูมจิวเวลรีอัญมณีหลากสีของ Dolce & Gabbana บนแฟชั่นโชว์ Alta Moda 2025)

ภาพ : Courtesy of Dolce&Gabbana