Ukraine First Lady, Ukraine, สงครามยูเครน
SOCIETY

เปิดบทสัมภาษณ์สตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน ที่เผยทุกความรู้สึกและประสบการณ์ในช่วงสงคราม!

Olena Zelenska กำลังบอกเล่าความทุกข์ยากและมุมมองที่เธอรับรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงและความกล้าหาญ

ภาพ: Stephan Lisowski for Vogue Ukraine

 

Vogue: คุณช่วยอธิบายช่วงแรกๆ ของการบุกรุกได้ไหม และคุณจำอะไรได้ชัดเจนที่สุด
Olena Zelenska: ฉันจดจำตอนเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นได้อย่างดี มันเป็นตอนเย็นของวันทำงานธรรมดาวันหนึ่ง เด็กๆ กำลังกลับบ้าน ทำงานบ้านเป็นปกติ และเตรียมสำหรับการไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น เราเครียดกันมาก มีการพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับการบุกรุกที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่จนถึงนาทีสุดท้าย ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ในโลกสมัยใหม่แบบนี้ ฉันลุกตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี 4 ตี 5 เนื่องจากมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ฉันไม่ได้ตระหนักโดยทันทีว่ามันเป็นระเบิด ฉันไม่ได้เข้าใจว่ามันจะเป็นอะไร สามีของฉันไม่ได้อยู่กับฉันตอนเข้านอน แต่เมื่อตื่นขึ้นมาฉันก็เห็นเขาสวมชุดสูทแล้ว (นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขาในชุดสูทและเสื้อเชิ้ตสีขาว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็กลายเป็นชุดทหาร) “มันเริ่มแล้ว” นี่คือทั้งหมดที่เขาพูด

ฉันจะไม่คิดว่าเขามีความตื่นตระหนก หรือความสับสน ฉันถามว่า “เราควรทำอย่างไรกับลูกเราดี” เขาตอบว่า “รอ” และเสริมว่า “ผมจะแจ้งให้คุณทราบ รวบรวมสิ่งของจำเป็นและเอกสารเผื่อไว้” และเขาก็ออกจากบ้านไป

 

V: ลูกชายของคุณอายุ 9 ปี ส่วนลูกสาวอายุ 17 ปี คุณบอกอะไรพวกเขากับสิ่งที่เกิดขึ้น

OZ: มันไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องอธิบายต่อลูกๆ พวกเขา รวมถึงเด็กทุกคนในยูเครนเห็นทุกอย่าง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กควรได้เห็น แต่เราก็ไม่สามารถปิดบังอะไรได้ เพราะพวกเขาใสซื่อและบริสุทธิ์ ดังนั้นกลยุทธ์ในการรับมือที่ดีที่สุดคือการบอกความจริง เราจึงพูดคุยทุกอย่างกันในครอบครัว ฉันพยายามตอบคำถามกับลูกๆ เราคุยกันเยอะมาก เพราะการพูดในสิ่งที่เจ็บปวดดีกว่าการเก็บเงียบไว้กับตัวเอง นี่คือเรื่องจิตวิทยาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันได้ผล

 

V: เห็นได้ชัดว่าคุณคิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของครอบครัว แม้ว่าคุณจะเคยเห็นการใช้ความรุนแรงกับพลเมืองยูเครนทั่วไปก็ตาม คุณช่วยอธิบายความรู้สึกส่วนตัวและความรู้สึกในฐานะพลเมืองที่ผสมผสานกันได้ไหม?

OZ: สงครามได้รวมเอาเรื่องส่วนตัวและความเป็นสาธารณะเข้าด้วยกัน และนี่อาจเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่เหล่าทรราชมาโจมตีเรา เราทุกคนล้วนคำนึงถึงความเป็นยูเครนก่อนเสมอ พวกเขาต้องการแบ่งแยกเรา ทำลายเรา และกระตุ้นให้เกิดการเผชิญหน้ากันภายในประเทศ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำสิ่งนั้นกับยูเครน เมื่อหนึ่งในพวกเราถูกทรมาน ข่มขืน หรือฆ่า เราไม่จำเป็นต้องสรรสร้างโฆษณาชวนเชื่อเพื่อทำให้ทุกคนรู้ถึงจิตสำนึกพลเมืองและลุกขึ้นต่อต้าน มันคือความโกรธแค้นและเจ็บปวดส่วนบุคคล ซึ่งทุกคนรู้สึกเหมือนกัน และกระตุ้นให้เกิดแรงต่อต้านการรุกราน เพื่อปกป้องอิสรภาพของเรา พวกเราทุกคนต่างมีหนทางในการทำสิ่งเหล่านั้นตามแบบฉบับของตัวเอง ทหารจับปืนขึ้นสู้ ครูยังคงดำเนินการสอน แพทย์ทำการรักษาต่อเนื่องภายใต้การโจมตี ทุกคนล้วนเป็นอาสาสมัครยามสงคราม ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ผู้ประกอบการร้านอาหาร ช่างทำผม ในขณะที่เหล่าผู้รุกรานพยายามที่จะยึดครองประเทศของเรา ฉันเห็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกรักชาติที่ลึกซึ้งที่สุดในลูกหลานของเรา ไม่ใช่แค่ลูกๆ ของฉันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเด็กๆ ชาวยูเครนทุกคน พวกเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้รักชาติและผู้พิทักษ์บ้านเกิดของพวกเขาเอง

 

V: คุณรับมือกับสภาวะด้านอารมณ์ได้อย่างไร มีเพื่อนหรือผู้คอยให้การสนับสนุนที่คุณหันไปหาในช่วงเวลานี้หรือไม่ คุณได้ติดต่อกับสามีของคุณมากแค่ไหนในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของสงครามและตอนนี้

OZ: ช่วงแรกไม่มีเวลาสำหรับเรื่องอารมณ์ความรู้สึก สิ่งจำเป็นที่สุดคือการดูแลลูกๆ รวมถึงสภาพจิตใจของพวกเขา ดังนั้นฉันจึงแสดงความมั่นใจ ยิ้มแย้ม มีพลัง อธิบายให้พวกเขาฟังว่าเราจำเป็นต้องลงไปอยู่ชั้นใต้ดิน และไม่สามารถเปิดไฟได้ อีกทั้งยังคอยตอบคำถาม “เมื่อไหร่เราจะได้เจอพ่อ” ของลูกๆ ในแง่ดีว่า “เร็วๆ นี้” ในค่ำคืนแรกฉันอยากให้พวกเราอยู่กับเขา(สามี) แต่ห้องทำงานของประธานาธิบดีกลายเป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหาร ส่งผลให้ฉันและลูกๆ ไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ พวกเราได้รับคำสั่งให้ย้ายไปในที่ปลอดภัย ตั้งแต่นั้นมาเราได้สื่อสารกับเขาเพียงแค่ในโทรศัพท์เท่านั้น

 

V: ผู้หญิงในประเทศของคุณต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้างเมื่อรัสเซียบุกเข้ามา

OZ: ฉันต้องการให้ทุกคนบนโลกเข้าใจว่าผู้หญิงยูเครนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและทันสมัยในแบบที่ผู้อ่านโว้กในทุกประเทศอาศัยอยู่ อันที่จริงพวกเขาเป็นผู้อ่านของพวกคุณ เพราะที่นี่เราก็มีโว้กยูเครน ทุกคนไม่มีที่หลบภัยสำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ตั้งแต่วันแรกที่ขีปนาวุธของรัสเซียเริ่มทำลายที่พักอาศัยในเมืองต่างๆ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัสเซียไม่มีความเมตตาต่อการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ชาวยูเครนรู้สึกไม่ปลอดภัย เราต้องเรียนรู้การวบรวมบุคคลอันเป็นที่รักเพื่อไปหลบภัย ณ สถานีรถไฟใต้ดินหรือห้องใต้ดินที่ใกล้ที่สุดเมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น

 

ในวันที่สามของสงคราม เด็กชาวยูเครนคนหนึ่งเกิดในที่หลบภัย และหลังจากนั้นผู้หญิงหลายพันคนต้องคลอดลูกในศูนย์พักพิง เพราะเราได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลสำหรับสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งมันเป็นเหมือนกับเมืองมารียูปอลที่รัสเซียถล่มด้วยระเบิด เกิดปัญหาในการดูแลเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคร้ายแรง เหล่าแม่และยายหลายคนอยู่ในโรงพยาบาลเฝ้าติดตามอาการเด็กเหล่านี้มานานหลายเดือน ตอนนี้เราทุกคนต้องพาพวกเขาไปรักษาที่ต่างประเทศแทน

 

ผู้หญิงต้องออกจากเมืองที่ถูกยึดครอง ทั้งเมืองบูชา และเมืองกอสโตเมล ต้องเสี่ยงชีวิตภายใต้สถานการณ์การสู้รบ พวกเธอต้องเดินเท้าออกมาพร้อมกับเด็กและคนชรา ส่วนมากไม่มีผู้ชายมาด้วย เพราะผู้ชายจะไม่ถูกปล่อยตัวจากกลุ่มผู้ยึดเมือง โลกเห็นสิ่งนี้ในต้นเดือนมีนาคม ขณะที่ผู้คนข้ามสะพานที่ถูกระเบิดทำลายจากเมืองเออร์พิน

 

หลังจากทหารรัสเซียถอนกำลังจากบางพื้นที่ พวกเราจึงรู้มากขึ้นกับสิ่งที่ผู้หญิงชาวยูเครนต้องเผชิญ ทั้งความไม่มั่นคงด้านความปลอดภัย และการคุกคามด้วยความรุนแรง เรื่องนี้ต้องได้รับการสอบสวนในระดับสากล

 

และยังมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในเมืองที่ถูกยึดครองอย่าง เคอร์ซอน, เมลิโตปอล และเบอร์เดียนสค์ พวกเธอไม่สามารถบอกแม้แต่ญาติว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ เพราะไม่มีสัญญาณการติดต่อใดที่จะติดตามพวกเธอได้เลย

 

ผู้หญิงหลายหมื่นคนต้องอาศัยในซากปรักหักพังของเมืองมารียูปอล และเราก็จินตนาการได้เพียงว่าพวกเธอกำลังต้องเผชิญกับฝันร้ายอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาทรัพยากรด้านอาหารนานนับเดือน เพราะสถานที่ดังกล่าวไม่อนุญาตให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้ามาถึง

 

ผู้หญิงและเด็กกว่าสี่ล้านคนได้อพยพไปอยู่ต่างประเทศ และการอพยพนั้นก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ด้านร่างกายและจิตใจอันยากลำบาก เพราะทุกอย่างต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด

 

จะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อไม่สามารถสวมเสื้อผ้าของตัวเองได้  และจะอธิบายให้ลูกฟังได้อย่างไรว่าทำไมเธอถึงไม่ได้นอนบนเตียง นี่คือบททดสอบที่คุณไม่ต้องการให้ใครต้องเผชิญ

 

V: มีเรื่องราวของผู้หญิงเรื่องใดในบรรดาหลายๆ เรื่องที่คุณพอจะเล่าให้เราฟังได้บ้าง

OZ: ฉันสามารถเล่าเรื่องราวเหล่านั้นได้เป็นสิบเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น ในเคียฟที่เราได้ยินถึงเรื่องราวของ Iryna Yazova แพทย์หญิงที่ยังคงอยู่ในพื้นที่เขตบูชาเธอช่วยเหลือเพื่อนบ้านและคนแปลกหน้าที่กำลังหาที่พักพิงและต้องการรักษาจากบาดแผลกระสุนปืนของทหารรัสเซีย เธอวางยาสลบและพันผ้าพันแผลรักษาไว้ เธอยังช่วยทำคลอดในบ้านที่ถูกไฟไหม้โดยไม่มีทั้งแสงสว่างและน้ำ เรื่องราวความกล้าหาญดังกล่าวถูกเล่าขานโดยเพื่อนบ้านที่เป็นหนี้ชีวิตเธอ

 

ยังมีเรื่องราวของ Olga แม่ของลูกน้อยวัย 2 ขวบในกรุงเคียฟ ที่ปกป้องลูกสุดความสามารถในขณะที่ขีปนาวุธตกใส่บ้านของเธอ หรือจะเป็นเรื่องของ Natalia ครูในสถานกำพร้า Chernihiv ที่อาศัยอยู่กับเด็ก 30 คน (หนึ่งในนั้นเป็นลูกของเธอ) ในชั้นใต้ดิน เธอมอบอาหารและดูแลพวกเขา หลังจากนั้นเธอก็พบกับยานพาหนะคันหนึ่ง เธอจึงพาเด็กเหล่านั้นไปที่ปลอดภัยขณะที่สถานกำพร้าดังกล่าวกำลังถูกไฟลุกไหม้

 

มีเรื่องราวมากมายพอๆ กับการมีอยู่ของชาวยูเครน ฉันจึงก่อตั้งช่องบนแพลตฟอร์ม Telegram และเชิญชาวยูเครนมาแบ่งปันประสบการณ์ช่วงระหว่างสงครามของพวกเขา เรื่องราวของแต่ละคนถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศเรา

 

V: การทำลายเมืองต่างๆ ของยูเครนนั้นน่ากลัวมาก มีการโจมตีตั้งแต่เนิ่นๆ ครั้งไหนที่ทำให้คุณสงสัยไหมว่าปูตินและกองทัพรัสเซียจะก้าวไปถึงจุดไหน ใช่การโจมตีโรงพยาบาลคลอดบุตรในมารียูปอลหรือไม่ มีเส้นที่คุณรู้สึกว่าถูกก้าวล้ำไปตั้งแต่ต้นหรือเปล่า

OZ: เส้นที่คุณพูดถึงมันถูกข้ามมาตั้งแต่วันแรกแล้ว ครั้งแรกที่รัสเซียบุกแล้ว! ขณะนี้รัสเซียกำลังโกหกเมื่อได้กล่าวว่าพวกเขาจะกำหนดเป้าหมายไปยังสถานที่การทหารเท่านั้น ในความเป็นจริงพวกเขาสังหารเจ้าหน้าที่บริการน้ำมันชื่อ Svetlana ในเมืองชูกูเยฟ ซึ่งเธอเพิ่งทำงานวันนั้นเป็นวันแรก…นั่นคือวันแรกของเธอ!

 

ในวันต่อๆ มาเราสูญเสียเด็กไปมากกว่า 200 คน โดยเด็กเหล่านั้นอยู่ในที่อยู่อาศัยของพวกเขา ณ บ้านเกิดของตัวเอง ดังนั้นแต่ละกรณีจึงเป็นเครื่องชี้วัดเหตุการณ์ที่สำคัญ

 

การปิดเส้นทางและทำลายเมืองมารียูปอลคือความเจ็บปวดของพวกเรา และมันยังคงดำเนินต่อไป ภูมิภาคเคียฟเองก็น่ากลัว นั่นคือสิ่งที่เราเห็นเมื่อกองทัพรัสเซียถอยทัพ โลกได้รู้จักกับเมืองบูชา นี่เป็นเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยสวยงามที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวง แต่ความน่าสะพรึงกลัวดังกล่าวไม่ได้เกิดในเมืองนี้เพียงเมืองเดียว แต่ยังสามารถเกิดในหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ในภูมิภาคเคียฟด้วย ผู้คนมากมายถูกฆ่าตายบนถนน พวกเขาไม่ใช่ทหาร เป็นเพียงพลเรือนทั่วไป! มีหลุมศพใกล้กับสนามเด็กเล่น ฉันไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ มันทำฉันพูดไม่ออก แต่จำเป็นต้องรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น

 

ฉันหวังว่าพวกเราไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่เห็นสารอันโหดร้ายจากรัสเซีย นี่ไม่ใช่สารสำหรับยูเครนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเหมือนสารที่ส่งถึงทั่วโลก นี่อาจเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศใดก็แล้วแต่ที่บาดหมางกับรัสเซีย

 

V: คุณและสามีได้วิงวอนให้นานาประเทศดำเนินการมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการบุกรุกครั้งนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ กำหนดเขตห้ามบิน คุณยังคงรู้สึกว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องสำหรับสหรัฐฯ หรือไม่

OZ: ใช่ เราได้ไถ่ถามอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่นเดียวกับชาวยูเครนทุกคนบนโซเชียลเน็ตเวิร์กและในการประท้วง เมื่อรัสเซียเริ่มล้อมเมืองมารียูปอล เป็นที่ชัดเจนว่ารัสเซียไม่ได้เพียงแค่ยิงจรวดเท่านั้น แต่ยังทิ้งระเบิดด้วย ระเบิดลูกหนึ่งตกลงมาที่โรงละคร ซึ่งมีผู้คนนับพันหลบซ่อนอยู่ มีผู้เสียชีวิตราว 300 คน ฉันรับรู้ว่ามีครอบครัวที่สูญเสียลูกชาย ลูกสาว และหลานสาวไป เหลือเพียงบรรดาคู่ตายายและลูกสาวคนโต คำถามคือพวกเขาจะอยู่อย่างไรหลังจากนั้น

 

เราขอให้ปิดน่านฟ้าเหนือประเทศของเราเพื่อไม่ให้ชาวยูเครนเผชิญกับความพังพินาศ แต่ NATO มองว่านี่เป็นความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย ตอนนี้ฉันสามารถพูดว่ารัสเซียเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ถูกกล่าวโทษว่าทำให้ผู้คนล้มตายเพิ่มเติมหรือไม่ คุณถามว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องสำหรับสหรัฐฯ หรือไม่ ฉันพูดเลยว่านี่ไม่ใช่แค่การกระทำที่ถูกต้องสำหรับสหรัฐฯ เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น ลุกขึ้นมาตอบโต้ผู้รุกรานหรือผู้รุกรานจะได้รับการสนับสนุนให้เคลื่อนไหวต่อ รัสเซียรู้ว่าตะวันตกจะไม่ปิดน่านฟ้า และความจริงข้อนี้จะก่อให้เกิดความโหดร้ายต่อไป โลกประชาธิปไตยต้องรวมกันเป็นหนึ่งและตอบโต้อย่างหนักหน่วง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในศตวรรษที่ 21 ไม่มีที่สำหรับการฆ่าพลเรือนและบุกรุกดินแดนของชาติอื่นอีกแล้ว ฉันเห็นภาพการล้อเลียน NATO และองค์กรระดับโลกกำลังเฝ้าดูบ้านที่มีคำว่า “UKRAINE” กำลังถล่มลง บางทีนี่อาจเป็นการพูดเกินจริง เพราะยูเครนได้อาวุธมา แต่เราก็ต้องการการปกป้องเช่นกัน! เป็นความจริงที่ผู้อพยพจากยูเครนจำนวนมากได้รับการปกป้อง ผู้หญิงและเด็กนับล้านได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลและประชาชนทั่วไปหลายล้านคนในสหภาพยุโรป ฉันขอบคุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

V: คุณคิดอย่างไรกับการเคลื่อนไหวล่าสุดของกองทัพรัสเซีย คุณเห็นสัญญาณใดๆ ที่แสดงว่ารัสเซียยินดีที่จะลดระดับความรุนแรงลงหรือไม่

OZ: สิ่งสำคัญ ณ ที่แห่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิด แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ ไม่มีใครในยูเครนเชื่อในคำแถลงการณ์ของผู้รุกราน และยังไม่เห็นการลดระดับแต่อย่างใด แม้รัสเซียจะถอนกำลังจากเคียฟ แต่การโจมตีของพวกเขาในโดเนตสค์และโอเดสซายังคงรุนแรงขึ้น

V: พลเมืองธรรมดาสามารถทำอะไรเพื่อช่วยชาวยูเครนได้บ้าง

OZ: สิ่งสำคัญคือต้องไม่เคยชินกับสงคราม ไม่แปรเปลี่ยนให้เป็นเพียงตัวเลขสถิติ ประท้วงต่อไป เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ ชาวยูเครนก็เหมือนกับคุณทุกคนนั่นล่ะ แต่เมื่อเดือนก่อนชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชาวยูเครนไม่ต้องการจะละทิ้งบ้านเกิด แต่หลายคนไม่เหลือบ้านให้อาศัยอยู่อีกแล้ว

 

ชาวยูเครนไปยุโรปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่ามานานแล้ว หลายคนสามารถเดินทางได้ พวกเราหลายคนเคยไปต่างประเทศมาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยวางแผนที่จะไปในฐานะผู้ลี้ภัย ดังนั้นได้โปรดปฏิบัติต่อชาวยูเครนเหมือนพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพวกคุณ สิ่งสำคัญที่แม่และลูกๆ ใฝ่ฝันคือการได้กลับบ้าน เพื่อรวมครอบครัวให้สมบูรณ์อีกครั้ง ได้โปรดช่วยพวกเขาปรับตัว ทั้งเรื่องบ้าน สถานที่ทำงาน หรือโรงเรียนสำหรับเด็ก จนกว่าพวกเขาจะได้กลับมา

 

นอกจากนี้ ทุกคนในโลกควรรู้ว่ารัสเซียกำลังทำสงครามข้อมูลขนาดใหญ่ในเวทีโลก ควรพิจารณาข้อมูลจากพวกเขาอย่างระมัดระวังและมีวิจารณญาณ เมื่อไม่กี่วันมานี้เราได้เห็นการสนับสนุนสงครามจากกลุ่มโปรรัสเซียในเยอรมัน กรีซ และอีกหลายประเทศ การดำเนินการเหล่านี้เกิดจากฝั่งรัสเซีย คนรัสเซียควรรู้สึกละอายต่อการกระทำของประเทศตนเอง ละอายต่อความโหดร้ายที่ก่อขึ้นโดยกองทัพ ฉันไม่เคยเรียกร้องความรุนแรง แต่ผู้สนับสนุนสงครามต้องไม่เป็นผู้ถูกไว้เนื้อเชื่อใจ

 

V: ตอนนี้ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร

OZ: ตอนนี้ฉันใช้ชีวิตเหมือนกับชาวยูเครนคนอื่นๆ เราทุกคนมีความปรารถนาที่จะเห็นความสงบสุข ฉันก็เหมือนแม่และภรรยาทุกคนที่เป็นห่วงสามีตลอดเวลาและทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกๆ ปลอดภัย

 

V: และอะไรทำให้คุณมีความหวัง

OZ: ครอบครัวของฉันก็เหมือนกับชาวยูเครนทุกคน คนรักชาติอันน่าทึ่งเหล่านี้กำลังรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกองทัพและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตอนนี้ชาวยูเครนทุกคนคือกองทัพ ทุกคนทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกลุ่มผู้คุณยายที่ทำขนมปังให้กองทัพเพียงเพราะรู้สึกถึงการสนับสนุนชาวยูเครนด้วยกัน พวกเขาต้องการเดินเข้าใกล้จุดหมายแห่งชัยชนะให้ได้มากที่สุด

 

นั่นคือสิ่งที่ชาวยูเครนเป็น เราทุกคนหวังเพื่อคนอื่น และเราทุกคนก็หวังเพื่อตัวเองด้วยเช่นกัน

 

V: มีช่วงเวลาใดจากเดือนที่ผ่านมาที่คุณรู้สึกว่าคุณจะไม่มีวันลืมหรือไม่

OZ: ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มสงคราม ฉันกำลังโทรศัพท์ไปยังที่ต่างๆ เพื่อค้นหาว่าญาติของฉันอยู่ที่ไหนและพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และในช่วงเวลาหนึ่ง ฉันตระหนักว่าฉันไม่รู้ว่าจะได้เจอพวกเขาอีกไหม ทั้งคนที่ฉันรัก และคนที่รักฉัน! นั่นอาจเป็นครั้งแรกที่ฉันร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่ปล่อยอารมณ์ความรู้สึกให้ทำงาน ฉันรับไม่ไหวจริงๆ

 

ฉันจะจดจำคนรู้จักและเพื่อนๆ ของฉันตลอดไป ทั้งชายและหญิงในเครื่องแบบทหาร ฉันจะจำไว้เสมอว่าเพื่อนผู้หญิงฉันกล้าหาญเพียงใด! สิ่งที่ผู้หญิงที่ทั้งเปราะบางและสง่างามในยามมีสันติสุขเหล่านี้สามารถทำได้เมื่อเกิดสงคราม! เรื่องราวของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน ฉันภูมิใจในตัวพวกเขามาก และฉันฝันว่าจะได้เห็นพวกเขาอีกครั้ง

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Ukraine