SOCIETY

คุยระหว่างเตรียมตัวไปงานพรมแดงกับ Kristen Stewart ในฐานะประธานเทศกาลภาพยนตร์กรุงเบอร์ลิน

"Virginie เป็นคนรักศิลปะและความเป็นมนุษย์ ซึ่งชัดเจนมากในงานที่เธอสร้าง มันมีความเป็นภาพยนตร์อยู่ในนั้น"

Q: คุณเคยเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการตัดสินในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เมื่อปี 2018 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเป็นประธานเทศกาลภาพยนตร์ แถมยังเป็นเทศกาลที่มีเกียรติมากด้วย ตอนที่พวกเขาโทรมาหาคุณ สิ่งแรกที่คุณคิดคืออะไร และอะไรทำให้คุณตอบตกลง

A: การพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์โดยปราศจากแรงกดดันเพิ่มเติมจากการ "โปรโมต" ภาพยนตร์เป็นการทำตามใจตัวเองที่หาได้ยากในระดับนี้ บทสนทนาที่คุณมีกับผู้ร่วมงานในขณะที่สร้างภาพยนตร์ค่อนข้างแตกต่างจากบทสนทนาที่คุณมีในฐานะผู้ชมที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ การได้พบปะผู้คนจากมุมต่างๆ ของโลกที่มารวมตัวกันเพื่อสำรวจหาสาเหตุที่ภาพยนตร์บางเรื่องสามารถปลุกระดม หรือตั้งคำถามใหม่ๆ เป็นสวรรค์สำหรับฉัน การได้มีประสบการณ์ร่วมกันอย่างเข้มข้น ประสบการณ์ที่ควรจะเปลี่ยนความคิดและมุมมอง ฉันแทบจะรอการได้เปลี่ยนแปลงเป็นมนุษย์คนใหม่อีกคนหลังจากผ่านช่วง 2 สัปดาห์นี้ หลังจากที่ได้ดูภาพยนต์ทั้ง 19 เรื่อง และหลังจากบทสนทนาที่นับไม่ถ้วนที่จะเกิดขึ้น และได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกและมุมมองใหม่ๆ จากเพื่อนศิลปินที่ฉันเคารพอย่างสูง

 

Q: คุณมองบทบาทใหม่นี้และประสบการณ์ทั้งหมดอย่างไรบ้าง คุณอยากเป็นประธานแบบไหนระหว่างเป็นผู้นำ หรือเป็นประธานที่เท่าเทียมกับทุกคน

A: หน้าที่ของประธานคือการไกล่เกลี่ยและเรียนรู้เพื่อลดอคติ แต่พอเรากำลังต่อกรกับเรื่องที่มันไม่คงอยู่ถาวรอย่างที่เรากำลังทำอยู่กับงานศิลปะซึ่งเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับจิตวิสัยของแต่ละคน ฉันคิดว่าบทบาทหลักที่ฉันรับมาก็คือการทำให้ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองถูกรับฟัง และถูกมองเห็น ฉันเคยเป็นคณะกรรมการตัดสินมาก่อนครั้งหนึ่ง (ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 71 ปี 2018)  ที่ Cate Blanchett เป็นประธานกรรมการ เธอสร้างตัวอย่างที่ดีไว้ คุณอาจเกลียดหนังเรื่องหนึ่งและถือว่ามันเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา หรือคุณอาจจะรักเรื่องหนึ่งมากๆ แต่รู้สึกว่าผลกระทบต่อโลกในวงกว้างของมันนั้นอ่อนแอ งานของเราคือเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างมากของกันและกัน และดูว่าพวกมันสะท้อนผลงานศิลปะที่นำเสนอต่อเราโดยรวมได้อย่างไร

 

Q: คุณกำลังจะได้เริ่มเดินทางเข้าสู่การเป็นผู้กำกับในหนังเรื่องแรกอย่าง “The Chronology of Water” คุณคิดว่าจะได้อะไรจากประสบการณ์ครั้งนี้

A: ฉันเตรียมตัวเป็นนักสร้างภาพยนตร์มาตั้งแต่จำความได้ ฉันได้ยอมจำนนให้กับการที่เราจะสามารถเอาเรื่องราวชีวิตภายในออกมาสู่ภายนอก หรือการได้แสดงสิ่งต่างๆ ให้คนอื่นได้เห็นในแบบเดียวกับที่เราเห็น ฉันอยากจะต่อสู้เพื่อมัน นี่เป็นความชอบที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ฉันจะกลายเป็นใครเมื่อเดินมาถึงปลายทางของเส้นทางนี้เป็นเรื่องของคนอื่นที่จะตัดสิน แล้วแต่ว่าอะไรจะออกจากร่างฉันมา แล้วไปอยู่บนจอ ไม่ว่ามันจะดีหรือแย่ ฉันเชื่อว่ามันสะท้อนความจริง ณ เวลาหนึ่งในชีวิตของฉัน

Q: ด้วยความที่คุณเป็น ambassador ของ CHANEL มาหลายปี การได้มีแฟชั่นเฮ้าส์มาด้วยกันในอีเวนต์แบบนี้เป็นอย่างไรบ้าง

A: Chanel ดูแลฉันเป็นอย่างดี ส่วนฉันก็ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน จะเรียกว่าเหมือนมีเกราะ เหมือนเป็นผิวหนังที่สองก็ยังได้ มันเป็นเรื่องราวที่ยังคงพัฒนาต่อไป เรามีรากฐานมาด้วยกัน และมีช่องว่างมากมายที่จะเติบโตไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นฉันจึงดีใจมากที่ได้สำรวจสิ่งต่างๆ และได้เล่นสนุกกับเหล่าศิลปินที่แสนจะน่าทึ่ง Virginie เป็นผู้ร่วมงานที่ฉันรักและเป็นแรงบันดาลใจของฉัน

 

Q: คุณเลือกลุคสำหรับพิธีเปิดยังไง คุณชอบอะไรในชุดนี้ที่มาจากคอเล็กชั่นโอต์กูตูร์ Spring-Summer 2023 ล่าสุด

A: ฉันเลือกลุคสำหรับพิธีเปิดตามความรู้สึก ฉันรู้สึกเบาสบายในชุดนี้ ฉันว่ามันมีโครงสร้างและให้การเคลื่อนไหวในระดับที่เพอร์เฟกต์ กวางที่อยู่บนชุดนี้เป็นสัญลักษณ์ของอิสระและความสงบสำหรับฉัน มันคือความเป็นเจ้าของตัวเองค่ะ

 

Q: คุณเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่าง CHANEL กับวงการภาพยนตร์จะพัฒนาไปอย่างไร แล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับ Virginie Viard ล่ะ

A: Virginie เป็นคนรักศิลปะและความเป็นมนุษย์​ ซึ่งชัดเจนมากในงานที่เธอสร้าง มันมีความเป็นภาพยนตร์อยู่ในนั้น (ซีเนมาติค) งานศิลปะของเราสองคนจับมือกัน ฉันหวังว่าวงกลมที่มีศูนย์กลางร่วมกันนี้จะทับซ้อนกันต่อไป                                                                       

 

Q: เล่าเรื่องโปรเจ็กต์ต่างๆ ของคุณที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้หน่อย                                                                     

A: ‘Love Lies Bleeding’ เป็นงานภาพยนตร์เรื่องที่สองของ Rose Glass เป็นภาคต่อจากเรื่องแรกของเธอซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันชอบที่สุดในปีที่มันออกมา เธอเก่งเรื่องการสาดแสงใส่ความมืดมนและการเตือนให้เราตระหนักว่าความมืดมนนั้นอยู่ในตัวของเราทุกคน เธอมีสไตล์ที่แปลกประหลาดและมีดวงตาอันเฉียบคมที่จะมองเห็นสิ่งนั้น ภาพยนตร์ของเธอมีบรรยากาศที่สวยงาม มีความเย้ายวน และน่าขบคิด ‘Love Lies Bleeding’ ควรทำให้เรากลัวตัวเองและเฉลิมฉลองให้กับความอ่อนหวานที่เราไม่ค่อยประกาศให้ใครรับรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกอย่างแท้จริง และห่างไกลจากความสำนึกในตัวเอง

   

ส่วน ‘Love Me’ เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับพวกเราทุกคน ความเป็นหนึ่งเดียวของปัจเจกภาพ ตัวฉันเองและ Steven Yeun รับบทเป็นร่องรอยของพวกเราทุกคนที่ถูกทิ้งไว้โดยภาพสะท้อนของอินเทอร์เน็ตที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งพยายามจะรักตัวเอง พยายามจะรักกันและกัน ฉันยังไม่ได้ดู แต่วิธีที่ผู้กำกับอย่าง Sam และ Andy เล่าไอเดียเหล่านี้ออกมาน่าจะเป็นการปฏิวัติในทางภาพเลยก็ว่าได้ ไอเดียของพวกเขามีตัวตนอยู่ภายในหรืออยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคน มันเป็นเรื่องสื่อถึงการมองโลกในแง่ดี และในขณะเดียวกันก็เสมือนจริงอย่างมาก พวกเขาเป็นนักปฏิวัติอย่างแท้จริง ฉันแทบจะรอที่จะดูมันไม่ไหวเลย                                                

WATCH