Vogue Thailand

RUNWAY

เจาะลึก Dior โดย Jonathan Anderson การปฏิวัติจากรากประวัติศาสตร์สู่มิติแฟชั่นสำหรับคนกลุ่มใหม่

Jonathan Anderson ไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวบนรันเวย์ แต่กำลังสะท้อนแนวคิดทั้งในเชิงการตลาด มุมมองเชิงศิลป์ เรื่อยไปจนถึงการสร้างความประทับใจและประกาศจุดยืนด้านแฟชั่น ณ เมซงอันยิ่งใหญ่อย่าง Dior

โดย Nattanam Waiyahong
02 ตุลาคม 2568

     หากถามว่าโชว์เดบิวต์ของดีไซเนอร์คนใดที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด รายชื่อระดับหัวแถวคงขาดชื่อของ Jonathan Anderson แห่ง Dior ไปไม่ได้ แม้จะผ่านการเดบิวต์คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าบุรุษไปก่อนหน้านี้ แต่สำหรับคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2026 ถือเป็นการเปิดศักราชและรับฟีดแบ็กได้อย่างเต็มที่ ประวัติศาสตร์ที่กำลังจะถูกจารึกใหม่คือการจรดปากกาของโจนาธาน พร้อมวิถีการเปลี่ยนแปลงที่จะพาเมซงระดับตำนานของฝรั่งเศสก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยแฟชั่นรูปแบบใด คำบอกใบ้จะคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าบุรุษ รวมถึงแคมเปญต่างๆ จะสื่อสารเชื่อมมาถึงโชว์จริงได้อย่างไร้รอยต่อหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่สาวกแฟชั่นทั่วโลกรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

     เมื่อเวลาใกล้ถึงช่วงบ่าย 2 ครึ่งตามเวลากลางกรุงปารีส ไลฟ์สตรีมถ่ายทอดเริ่มฉายวิดีโอของเหล่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่มีร่วมชมโชว์ในฐานะแขกฟรอนต์โรว์ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบ ‘Arrival Moments’ เสียทีเดียว แต่เป็น ‘Fitting Moments’ ที่เผยให้เห็นเศษเสี้ยวของสไตล์แฟชั่นของดิออร์โฉมใหม่ภายใต้การนำทัพของโจนาธาน ในขณะเดียวกันก็เป็นการสดุดีและให้ความสำคัญกับเหล่าช่างฝีมือเบื้องหลังได้มีบทบาทในแคมเปญโปรโมต เฉกเช่นเดียวกับตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของเมซงที่กล่าวถึงผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่าชุดของเหล่าแขกคนสำคัญจากทั่วทุกมุมโลกไม่ใช่ชุดเทคนิคจัดจ้านหรือรายละเอียดโดดเด่นชนิดต้องอ้าปากค้าง แต่เป็นวิถีความเรียบง่ายและทำให้เราทุกคนได้คุ้นชินกับสิ่งที่โจนาธานกำลังจะตั้งแผงขายในร้านดิออร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไล่เรียงตั้งแต่ลุคเสื้อโปโล เสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊ก กางเกงขายาว กระโปรงบอลลูน เรื่อยไปจนถึงชุดกลิ่นอายหวานฉ่ำผสมผสานความน่ารักที่ส่วนใหญ่สาวๆ จากฟากเอเชียได้สวมใส่ในโชว์ครั้งนี้
 

     อีกหนึ่งความน่าสนใจคือแม้จะเปลี่ยนดีไซเนอร์ แต่แขกของโจนาธานยังแชร์รายชื่อกับ Maria Grazia Chiuri อยู่ไม่น้อย สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงลุคที่สามารถถ่ายทอดอย่างลื่นไหลผ่านตัวบุคคล ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยกแผงหรือเชื้อเชิญแขกเหรื่อเพื่อนสนิทมาชนิดสร้างสัมปทานโลกแฟชั่นยุคใหม่ประจำเมซง ดังนั้นรูปแบบวิธีการเริ่มฟิตติ้งและเชื้อเชิญให้ทุกคนสัมผัสมนต์เสน่ห์ของงานออกแบบโฉมใหม่ คือเปลี่ยนแบบละมุนละม่อม เริ่มสัมผัสจากลุคเรียบง่าย สวยง่าย การันตีรอดแบบไม่ต้องพยายาม มากกว่าการสะบัดภาพเก่าและสร้างลุคใหม่ที่ยากเกินใครหลายคนจะรับมือ (เสื้อผ้าบนรันเวย์ที่จัดจ้านอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน) ณ จุดนี้ยิ่งสะท้อนภาพความประนีประนอมในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของดิออร์ ที่ตอนนี้มีภาพฉายให้เห็นตรงหน้าว่ามีสินค้าอะไรให้ลองช็อปและค่อยๆ ก้าวเข้าสู่โลกของโจนาธานกันไปทีละน้อย

     พอโชว์เริ่มเหมือนกับว่าโจนาธานกำลังบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมซงในแบบเมดเล่ย์อย่างไรอย่างนั้น เพราะวิดีโอฉายภาพความยอดเยี่ยมของเมซงในหลายยุคหลายสมัย ย้อนรากฐานกลับสู่ประวัติศาสตร์​ ก่อนจะเริ่มต้นรีเซ็ตและเข้าสู่สถานะที่เปรียบเปรยได้ว่า “ช่วงเวลาใหม่ของดิออร์มาถึงแล้ว” รายละเอียดด้านแฟชั่นโฉมใหม่ชวนให้นึกถึงคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าบุรุษก็ไม่ปาน เพราะหลายลุคมีรายละเอียดทั้งซิลูเอต วัสดุ สีสัน หรือแม้แต่การสไตลิ่งที่เชื่อมโยงกันอยู่อย่างเป็นประจักษ์ ตอกย้ำข้อสันนิษฐานถึงการผสมรากประวัติศาสตร์ของเมซงเข้ากับไอเดียความสร้างสรรค์ร่วมสมัยของโจนาธานได้อย่างแจ่มชัด เหมือนกับดีไซเนอร์พรสวรรค์แห่งยุคกำลังกล่าวว่า “ผมกำลังจะพาทุกคนไปสนุกกับความเป็นดิออร์ในแบบฉบับของผม” อย่างไรอย่างนั้น

     ‘Newer Look’ ผู้เขียนขอนิยามการเลือกสรรชุดระดับตำนานของเมซงมารังสรรค์ใหม่ภายใต้กรอบแนวคิดแห่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและสัดส่วน ‘Bar Jacket’ ที่คุ้นตาหากเคยเปิดหนังสือแฟชั่นถูกปรับโฉมให้เป็นแจ็กเก็ตตัวสั้นที่ยังคงรายละเอียดเช่นเดิม แต่เสริมด้วยวิธีการนำเสนอสัดส่วนที่สนุกขี้เล่นและเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งจับคู่เข้ากับกระโปรงพลีตเวอร์ชั่นใหม่ยิ่งแสดงภาพของลุคอมตะนิรันดร์กาลในแบบที่หลายคนอาจไม่นึกไม่ฝันมาก่อน เช่นเดียวกับอีกหลายต่อหลายชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคลังเก่าของเมซง ทั้งกระโปรงทรงบอลลูนที่ถูกปรับระดับความยาวและวิธีการสไตลิ่ง หรือจะเป็น ‘Delft Dress’ จากยุค 1940s ที่กลับมาสู่สารบบแฟชั่นยุคปัจจุบันได้อย่างน่าประหลาดใจอีกครั้ง (แต่ก็อาจจะไม่ประหลาดใจมากนักเพราะเคยเห็นจากโชว์เสื้อผ้าบุรุษกันมาแล้ว)

     รายละเอียดความสนุกขี้เล่นของโจนาธานยังไม่เลือนหายไปแม้จะอยู่ในกรอบความไอคอนิกของดิออร์ก็ตาม รายละเอียดของการตกแต่งทั้งโบว์ เทคนิคจับระบาย งานปัก หรือแม้แต่นิตแวร์ และลวดลายต่างๆ ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสนุกสนานตามแบบฉบับของเขาได้เสมอ พร้อมด้วยผลงานสะดุดตาอย่างหมวกตั้งแต่ช่วงโชว์ที่ชวนนึกถึงผลงานสมัย John Galliano ในขณะเดียวกันก็เป็นเน้นจุดเด่นด้านงานฝีมือหลังฉากของเมซงที่รังสรรค์ทุกรายละเอียดได้เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากนี้นั้นยังเปิดพื้นที่ให้คลาสสิกแวร์ที่ไร้สายใยกับมิติเรื่องเวลาได้โลดแล่นบนรันเวย์ ชุดในรูปแบบเดียวกันกับการฟิตติ้งของเหล่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ปรากฏในช่วงท้ายของโชว์และเหมือนแปะป้ายประกาศขายให้ทราบโดยทั่วกัน เบลเซอร์ แจ็กเก็ต เดนิม ไปจนถึงเสื้อเชิ้ตและเสื้อโปโล มากไปกว่านั้นยังรวมถึงรองเท้าและกระเป๋าที่แอบซ่อนความสนุกไว้ด้วยสไตล์ความแก่นซ่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้ละทิ้งความหรูหราเหนือระดับหรือคุณภาพของชิ้นงานลงไปแม้แต่น้อย

     สุดท้ายคำถามสำคัญคือดิออร์ยุคใหม่ประนีประนอมกับการเปลี่ยนแปลงด้วยมิติของไอเท็มเบสิก แต่ในบั้นปลายกลิ่นอายของความสนุกขี้เล่นสะท้อนคาแร็กเตอร์ของช่วงอายุที่เด็กลงจาก ‘Miss Dior’ แบบดั้งเดิมไปไม่น้อย เมซงอาจเสียลูกค้ากลุ่มคุณผู้หญิงผู้อยู่บนบัลลังก์แห่งความหรูหรา และจะแทนที่ด้วยเหล่าลูกสาวและเด็กเจเนอเรชั่นใหม่ หรือจะเป็นผู้โหยหาความขบถจัดจ้านในยุคสมัยของจอห์น กัลเลียโนที่พร้อมเข้ามาแทนที่ในฐานะ ‘New Miss Dior’ ในยุคของโจนาธาน เส้นเรื่องในโลกความจริงและธุรกิจจะเป็นเช่นนี้หรือไม่… หรือไพ่ไม้ตายของดิออร์ที่จะรักษากลุ่มตลาดเก่ากับรสนิยมคุณหญิงคุณนายอาจเทเป้าไปสู่ลูกค้าระดับวีไอพีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมโอตกูตูร์ในอนาคต แทนที่จะเป็นเรดี้ทูแวร์ที่อาจไม่ได้เหมาะกับพวกเธออีกต่อไปแล้วนับจากนี้ หรือคุณหญิงแสนสง่างามจะกล้าเข้าสู่ดิออร์โลกใหม่ดั่งที่ต้นวิดีโอก่อนโชว์เชื้อเชิญว่า “DO YOU DARE ENTER THE HOUSE OF DIOR”

ภาพ : Courtesy of Dior / Vogue Runway
กราฟิก : สุกฤตา ว่องวัฒนพิบูลย์
เจาะลึก Dior โดย Jonathan Anderson การปฏิวัติจากรากประวัติศาสตร์สู่มิติแฟชั่นสำหรับคนกลุ่มใหม่