จาก Gabrielle CHANEL สู่มือของ Karl Lagerfeld ตามมาด้วย Virginie Viard ก่อนทิ้งช่วงให้จิตวิญญาณ C ไขว้อยู่ในมือของทีมสตูดิโอนานหลายเดือน เพื่อรอการมาถึงของ Matthieu Blazy ดีไซเนอร์หัวเรือใหญ่คนใหม่ล่าสุดของเมซง CHANEL แบรนด์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดและแบกความหวังของคนแฟชั่นทั่วโลกมากที่สุดในช่วงปรากฏการณ์เก้าอี้ดนตรีแฟชั่นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษนี้
ในห้วงเวลาที่แบรนด์แฟชั่นระดับท็อปนับสิบแบรนด์ที่เปลี่ยนหัวเรือใหญ่ต่างเริ่มประโคมทีเซอร์ผลงานของดีไซเนอร์คนใหม่กันอย่างสนุกสนาน เรื่อยไปจนถึงการล้างอินสตาแกรม เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคนแฟชั่น CHANEL กลับเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เลือกขยับตัวน้อยที่สุด คนแฟชั่นบนโลกอินเทอร์เน็ตแทบไม่รับรู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับ Matthieu Blazy หลังเข้ามากุมบังเหียนที่เมซงเพชรยอดมงกุฎแห่งนี้ ทั้งงานประกาศรางวัล เรื่อยไปจนถึงงานพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลก มีเพียงชุดของ Ayo Edebiri บนพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเวนิส ครั้งที่ 82 เท่านั้น ที่ถูกอ้างว่าเป็นชุดสั่งตัดพิเศษโดยฝีมือของ Matthieu Blazy กระนั้นก็ไม่อาจตัดสินวิสัยทัศน์ของดีไซเนอร์คนนี้ได้จากเพียงแค่ผลงานทดลองสองชุดนั้น
ผ่านเวลามาจนถึงวันที่คนแฟชั่นรอคอย CHANEL ก็ได้สร้างเซอร์ไพรส์แรกให้กับทุกคนด้วยการย้ายตารางโชว์ไปอยู่ในช่วงกลางคืน ในวันรองสุดท้ายของ Paris Fashion Week ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2026 ก่อนจะเริ่มปล่อยตัวอย่างภาพแคมเปญคอลเล็กชั่นเดบิวต์ของ Matthieu Blazy ออกมาทีละนิด เริ่มจากภาพด้านหลังของต้นคอของหญิงสาวผมบ็อบ กับต่างหูขนนก ต่อด้วยภาพของเสื้อเชิ้ตเเขนยาว ตัดเย็บชายเสื้อด้วยสายโซ่ ซึ่งเป็นเทคนิคอัตลักษณ์เดียวกับที่เมซงแห่งนี้ใช้กับแจ็กเก็ตผ้าทวีด สินค้าไอคอนิกของเมซง ก่อนปล่อยหมัดเด็ดด้วยการดึงเอา Ayo Edebiri คนเดิมขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกแห่งยุค Matthieu Blazy เพื่อแสดงถึงความหลากหลาย และกรุยทางสู่โชว์เดบิวต์ยุคใหม่ที่ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...
Matthieu Blazy ผู้มีประสบการณ์ช่ำชองในอุตสาหกรรมแฟชั่น จากการเริ่มงานกับ Raf Simons สู่แบรนด์ Maison Margiela ต่อด้วย Calvin Klein และการสร้างชื่อผ่านผลงานมาสเตอร์พีซที่ Bottega Veneta เลือกเดบิวต์คอลเล็กชั่นปฐมบทของเขาที่ CHANEL ด้วยเซ็ตติ้งรันเวย์ที่ทำให้เหล่าแขกฟรอนต์โรว์ต้องอ้าปากค้าง กับการเนรมิต กรองด์ ปาเลส์ ให้กลายเป็นจักรวาล ด้วยประติมากรรมดาวเคราะห์ขนาดยักษ์จากระบบสุริยะจักรวาล ขุดความรู้สึกให้ย้อนนึกถึงยุคสมัยอันรุ่มรวยของไกเซอร์ Karl Lagerfeld ไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับเป็นสัญญาณว่า เขากำลังจะพาเราเดินทางออกไปจากโลกเดิมที่ทุกคนคุ้นชินที่ CHANEL
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ...
คอลเล็กชั่นเดบิวต์แรกของ Matthieu Blazy มาพร้อมกับลุคเบลเซอร์คร็อปสองกระดุม แมตช์เข้ากับกางเกงเอวต่ำ ที่แม้จะดูเรียบ แต่โก้ด้วยสไตลิ่ง อีกทั้งยังเป็นการโชว์งานตัดเย็บเทเลอริ่งที่เขาถนัด ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแรง ก่อนที่ลุคในลำดับถัดมานั้นจะเริ่มพาให้เราออกไกลจากภาพจำเดิมของ CHANEL ที่เราคุ้นเคยมาหลายปี แต่ยังแฝงไปด้วยรหัสของเมซงอย่างเต็มเปี่ยม แต่ขี้เล่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ และไม่เคยคิดมาก่อนว่า CHANEL จะสามารถขี้เล่นได้ถึงเพียงนี้ เฉกเช่นที่ Bruno Pavlovsky ประธานใหญ่ประจำแผนกแฟชั่นของ CHANEL บอกไว้กับ WWD ว่า "หวังว่าคอลเล็กชั่นนี้จะเซอร์ไพรส์ทุกคน"
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับศีรษะ ที่เคยสร้างชื่อให้กับดีไซเนอร์คนนี้มาก่อนที่บ้านหลังเก่า ที่ตอนนี้กลายเป็นรหัสใหม่ของเมซง CHANEL แล้วเรียบร้อย หรือจะเป็นงานผ้าทวีดที่ขาดไม่ได้ ซึ่งครั้งนี้มาในหลากหลายดีไซน์ทดลอง ที่สดใหม่กว่าครั้งไหนๆ เรื่อยไปจนถึงกระเป๋าและรองเท้าที่ไม่จำเป็นติดอยู่กับแค่ดีไซน์ควิลต์อีกต่อไป ความคิดสร้างสรรค์ของ Matthieu Blazy ไม่เพียงถูกสาดละเลงลงบนคอลเล็กชั่นแรกของเขาพร้อมด้วยดีเอ็นเอที่เห็นได้ชัดอย่างเต็มขั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่า ดีไซเนอร์คนนี้สนุกกับการทำการบ้านอย่างหนักกับเหล่าเมซงช่างศิลป์บนอาคาร le 19M ที่เปรียบเป็นดังกรุสมบัติด้านงานช่างฝีมือของเมซงมากแค่ไหน
อีกทั้ง Matthieu Blazy ก็ยังไม่ลืมที่จะผ่อนปรนและประนีประนอมกับโลกทุนนิยมในฐานะศิลปิน ด้วยการสร้าง 'ชิ้นขาย' ออกมาในหลายลุค เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเสื้อเชิ้ตขาวตัวนั้น ดีไซน์กระโปรงตัดเฉียงสามกระดุม ไปจนถึงกระเป๋ารองเท้า และสูทกระโปรงผ้าทวีด ที่จะยังรักษาฐานลูกค้าเดิม และโอบรับฐานลูกค้าใหม่ไปพร้อมๆ กัน
"ค่อยยังชั่ว..." นั่นแหละคือคำพูดของผู้เขียนหลังจากดูโชว์จบ ที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต "ในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้าง CHANEL เสียที หลังจากที่ปล่อยให้หลงทางมานานหลายปี"

Maison Margiela คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2026 ที่ต้อง 'อ้าปากค้าง' กับการเดบิวต์ Glenn Martens

ปฐมบทใหม่ของ Balenciaga โดย Pierpaolo Piccioli กับความหรูหราและการผสมผสานโลกทุกใบของเมซง



