LIFESTYLE

ถ้าไม่โดนไล่ลงจากเวทีในวันนั้น ก็จะไม่มีพิธีกรแห่งชาติ Yoo Jae Suk ในวันนี้

เปิดบทเรียนสำคัญ กว่ายูแจซอกจะกลายมาเป็นพิธีกรแห่งชาติ เขาเคยโดนไล่ลงจากเวทีเพราะอีโก้และความผิดพลาดของตัวเอง

     ฉายา “พิธีกรแห่งชาติ” คือเครื่องการันตีการทำงานหนัก สปิริตในวงการ ความถ่อมตัว และความเอาใจใส่ของ Yoo Jae Suk หนุ่มใหญ่วัย 49 ปีที่พ่วงตำแหน่งพิธีกรแห่งชาติจากประเทศเกาหลีใต้ เขาคนนี้ฝากผลงานจำนวนมากมายทั้ง Family Outing, X-Men, Infinite Challenge และ Running Man เขาคือผู้ที่ได้รับรางวัล Grand Prize หรือ Daesang ที่ถือเป็นรางวัลสูงสุดของวงการโทรทัศน์ที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝันทั้งสิ้น 16 ครั้ง นับเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ 

     ยูแจซอกพกมาทั้งความนอบน้อมและสปิริตแรงกล้าในการทำงาน ไม่ว่าจะโดนต่อว่าหรือโดนแกล้งอย่างไร เขาลุกขึ้นดำเนินรายการพร้อมเล่นเกมไปกับเพื่อนร่วมทีมต่ออย่างสนุกสนาน ความถ่อมตัวที่เขามักจะรู้สึกขอบคุณและปฏิเสธเป็นพัลวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนชื่นชมเขาต่อหน้า ความเอาใจใส่ต่อเพื่อนร่วมรายการหรือแม้แต่แขกรับเชิญ กระทั่งยูทูบเบอร์ชาวไทยอย่างช่อง Jaysbabyfood ได้โอกาสไปสัมภาษณ์รายการ Busted ที่แจซอกเป็นพิธีกรนั้น เธอเล่าถึงความประทับใจครั้งนั้นว่า “เขาติดดินและเป็นกันเองมาก” เนื่องจากหลังสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ยูแจซอกเดินเข้ามาด้านหลังห้องพักที่เหล่าสำนักข่าวหลายหัวมารวมตัวกัน เพื่อขอบคุณทุกคนในวันนี้ โดยเฉพาะก่อนเริ่มสัมภาษณ์เจเล่าว่าเขาชวนคุยอย่างเป็นกันเองตลอดเวลา

 

ภาพ: Pinterest

     แต่กว่าที่เขาจะได้รับคำชื่นชมล้นหลาม และประสบความสำเร็จเป็นเบอร์ต้นของประเทศขนาดนี้ได้ เขาเคยยอมรับว่าเกลียดและรับตัวเองไม่ได้เลยกับตัวเขาในอดีต เขาผ่านบทเรียนมากมายถึงขั้นโดนไล่ลงจากเวทีเพราะความผิดพลาดจากการแสดง โดนรุ่นพี่ทั้งวงการด่าเพราะอีโก้ของตัวเอง อีโก้ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ มันทำให้เขานึกไปว่าที่รายการสนุกและเรตติ้งดีก็เป็นเพราะฝีมือของเขาเท่านั้น

     ในช่วงต้นแจซอกได้โอกาสมีส่วนร่วมในการแสดงตลกผ่านรายการ KBS University Gag Festival ซึ่งนับเป็นเวทีที่เดบิวต์เปิดตัวเขาไปในตัว หลังการแสดงจบด้วยความมั่นใจว่าจะต้องได้รับรางวัลสาขาใหญ่ที่สุดของงานนี้อย่าง Gold Awards แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้รางวัลเล็กอย่าง Encouragement Award แทน เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่หวังแจซอกในตอนนั้นที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและอีโก้ของตัวเอง เดินออกมารับรางวัลด้วยท่าทางไม่ยี่หระ มือหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกมือหนึ่งแคะหู ซึ่งรุ่นพี่ในวงการตลกคนอื่นๆ ต่างมองว่าการกระทำนี้เป็นการไม่ให้เกียรติและไม่สุภาพอย่างมาก ตัวเขาในยุคปัจจุบันหลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ยังเคยเล่าย้อนกลับไปด้วยว่า “ตอนนั้นผมยังเป็นเด็กไม่รู้จักโต และผมละอายใจกับมันมาก ผมยังเด็กมากเมื่อเทียบกับตัวเองในตอนนี้”

 

ภาพ: KoreaBoo

     ในขณะเดียวกันแม้โอกาสในการแสดงตลกบนเวทีจะถูกหยิบยื่นเข้ามาเรื่อยๆ แต่เขาก็ได้เป็นแค่บทบาทเล็กๆ ประกอบฉากไม่กี่ตอนเท่านั้น เขาที่นึกว่าตัวเองจะเป็นคนตลกมากเมื่อก้าวเข้ามาแล้วทุกคนต้องอึ้ง แต่ในโลกความเป็นจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย การแสดงตลกไม่ใช่เรื่องง่ายและการดำรงตนในวงการเองก็ยากยิ่งกว่า ความเครียดเริ่มบังเกิดนำไปสู่ปัญหาอย่างการตื่นเวที จนถึงขั้นโดนไล่ลงจากเวทีเพราะความผิดพลาดของตัวเองต่อหน้าผู้เข้าชมมากกว่า 500 คน ปัญหาลุกลามกลายเป็นการกลัวกล้อง ทำให้เขาถูกแบนออกจากโทรทัศน์นานถึง 8 เดือน เมื่อความผิดพลาดถาโถมเขาตัดสินใจหนีทุกอย่างแล้วเลือกเกณฑ์ทหารในวัยเพียง 23 ปี 

     ที่นั่นเขาได้พบกับนักแสดงสุดฮอต Lee Jung Jae ที่เข้ามาพลิกชีวิตเขาอีกครั้ง พร้อมเตือนสติพิธีกรตลกคนนี้ว่า “ความมั่นใจและความถ่อมตนคือกุญแจสำคัญของการเป็นสตาร์” ยูแจซอกจึงตั้งปณิธานกับตัวเองอีกครั้งว่าจะให้เวลาการเป็นตลกถึง 30 ปี ถ้ายังไม่มีวี่แววดีขึ้นเขาจะเลิกมัน 

 



WATCH




ภาพ: Pinterest

     โอกาสครั้งสำคัญมาถึงเมื่อเขาได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรเต็มตัวครั้งแรก โดยมีข้อแม้ว่าต้องใส่หมวกรูปตั๊กแตนตามฉายาของเขาไว้ตลอดเพื่อสร้างภาพจำให้คนดู และแม้จะมีผิดพลาดบ้างในช่วงการถ่ายทำแต่เขาก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อ ไม่นานจากนั้นจึงกลายเป็นขาขึ้นของแจซอก เขาได้รับรางวัลจากรายการอื่นๆ ว่าเป็นแขกรับเชิญสุดตลก จนได้ก้าวไปเป็นพิธีกรอีกหนึ่งรายการ Live and Fun Together เรื่อยมาจนถึงรายการดังอย่าง Happy Together, Truth Game, X-Men, Family Outing, Running Man รวมถึงออกรายการโชว์ของตัวเอง Infinite Challenge ที่ได้รับการจัดลำดับให้เป็นรายการบันเทิงที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันของประเทศเกาหลีใต้ ปี 2005 เขาได้รับรางวัลแดซังครั้งแรกเพราะรายการนี้ และยังได้รับรางวัลนี้ต่อเนื่องถึง 12 ปีจนถึงปี 2016

     ระหว่างทางเขาเรียนรู้ข้อผิดพลาด ปรับปรุงแก้ไข เพื่อเป็นคนที่ดีขึ้นและเก่งขึ้นกว่าเดิม แม้เส้นทางอาชีพดูเหมือนจะพุ่งขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่งเขาเองก็ถูกต้นสังกัดโกงค่าตัวไม่จ่ายเงินทั้งตัวเขาและพิธีกรคนอื่นๆ มาอย่างยาวนาน เขาเลือกที่จะสู้คดีกับต้นสังกัด เพื่อหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนให้กับเด็กรุ่นใหม่ หรือเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในอนาคต แม้จะกินเวลานานถึง 10 ปีกว่าแต่ในที่สุดเขาก็ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาสู่อ้อมอกอีกครั้ง

 

ภาพ: KoreaBoo

     เขาเคยพูดไว้ว่า “ผมเห็นซูเปอร์สตาร์หลายคนดับแสงกันชั่วข้ามคืน เพราะฉะนั้นตัวผมจะไม่เปลี่ยนแปลง จะเป็นคนซื่อสัตย์ จริงใจ และถ่อมตนที่สุดครับ” แจซอกพูดเสมอว่าที่เขาประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนร่วมงานและทีมงานคนอื่นๆ ที่ร่วมมือปั้นรายการมาด้วยกัน เขาเอาใจใส่ทีมงานทุกคนอย่างจริงใจและเต็มใจ ให้ความสำคัญกับสตาฟเบื้องหลังตัวเล็กๆ อย่างเต็มที่ เพราะเขาผู้เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนเข้าใจดี เขาเรียนรู้แล้วว่างานหนึ่งชิ้นสำเร็จไปไม่ได้ถ้าไม่ได้ทุกคนช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ เขาจึงยึดประโยคที่ใครๆ ชอบพูดกันว่า ‘ถ้าคุณอยากไปได้เร็วจงไปเพียงคนเดียว แต่ถ้าคุณอยากไปได้ไกลจงไปด้วยกัน’ เป็นหลักในการดำเนินงานเสมอ 

     ยูแจซอกในตอนนี้เติบโตจากดาราตลกตัวจ้อยสู่การเป็นพิธีกรอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ เขาเป็นแรงบันดาลใจมากมายให้กับเด็กรุ่นใหม่และเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคมทั้งการบริจาคเงินจำนวนมากให้กับองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และถ้าบทเรียนของเขาคนนี้จะช่วยสอนอะไรให้เราได้รู้บ้าง ก็คงเป็นเรื่องของความถ่อมตนว่า ‘ยิ่งสูงยิ่งต้องโน้มลงต่ำ’ คือคำสอนที่ใช้ได้จริง 

 

ข้อมูล : Allkpop, KoreaBoo

WATCH