การวอล์กเอาต์ของเหล่านักแสดง Oppenheimer และการสนับสนุนแนวทางการเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของคนในอุตสาหกรรมบันเทิงนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก เหตุการณ์ SAG-AFTRA ทำให้ผู้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับสวัสดิการและค่าตอบแทนของบุคคลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกภาพยนตร์และอุตสาหกรรมบันเทิงหลายแขนงมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้เกิดการพัฒนา พร้อมส่งสารไปหาผู้เกี่ยวข้องว่าต้องเริ่มดำเนินการเพื่อรักษาบุคลากรที่กำลังประสบกับความไม่สมเหตุสมผลเรื่องรายได้และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นการเรียกร้องจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกมองข้าม

     เหล่านักเขียนบทและนักแสดงต่างพากันสไตรค์เพื่อเป้าหมายเดียวกัน นับเป็นการจับมือร่วมกันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ภาพยนตร์และซีรี่ส์หลายเรื่องต้องหยุดถ่ายทำอย่างกะทันหัน หรือผู้เกี่ยวข้องจากภาพยนตร์หลายเรื่องก็ออกมามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้อย่างจริงจัง การลงถนนของเหล่านักแสดงแนวหน้าคือสัญญะบ่งบอกถึงความเข้มข้นในการเรียกร้องเพื่อความยุติธรรมและพร้อมเป็นกระบอกเสียงให้กับบุคคลเบื้องหลัง

     การสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เพียงแต่บุคคลภายในอุตสาหกรรมเท่านั้น ผู้ชมภายนอกยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมประสบผลสำเร็จ แต่ก่อนอื่นต้องพูดถึงผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้มีอำนาจและได้รับผลกระทบโดยตรงไม่แพ้กัน พวกเขาเริ่มต้องเลือกข้างแล้วว่าจะยืนหยัดเคียงข้างเหล่าผู้เรียกร้องหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบนั้นต้องแสดงออกผ่านการกระทำ แนวโน้มการสนับสนุนของเหล่าผู้ประกอบการก็อยากให้คนกลับมาทำงานเพื่อผลิตผลงานป้อนโรงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังอันยิ่งใหญ่ตรงนี้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่พร้อมเปลี่ยนโฉมหลักยุติธรรมให้สอดรับกับการเรียกร้องในครั้งนี้

     หากมีคำถามว่าผู้ชมจะทำอะไรได้บ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ หลักสำคัญที่สุดคือ “การรอ” ผู้ชมสนับสนุนได้ทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือหากใครอยู่ในพื้นที่เรียกร้องก็อาจเข้าร่วมได้โดยตรง ทว่าหากต้องการให้ความยุติธรรมนี้เกิดขึ้นอีกทาง การเฝ้ารอผลผลิตจากน้ำมือของบุคลากรเหล่านี้อย่างอดทนอาจเป็นตัวช่วยสำคัญ อย่าง Euphoria ที่ประกาศเลื่อนฉายเป็นปี 2025 หากย้อนกลับไปสัก 10 ปีก่อนอาจมีคนตำหนิและเรียกร้องถึงความไม่ตรงตามสัญญา ทว่าเมื่อความยุติธรรมและการเรียกร้องเป็นเรื่องปกติทั่วไป ผู้คนในสังคมต่างเข้าใจและเริ่มสนับสนุนให้กลุ่มคนเบื้องหลังเรียกร้องต่อไป การเฝ้ารอผลงานที่ถูกผลิตมาภายใต้หลักความยุติธรรม ไม่ได้ต้องการเร่งรีบตามตารางเดิมในขณะที่ผู้คนเบื้องหลังการตรากตรำต่อสู้กับความอยุติธรรมนั้นอยู่ การเฝ้ารอเป็นสิ่งเรียบง่ายแต่กลับทรงพลังเมื่อการรอนั้นได้ปลดปล่อยคนจำนวนมากได้ลุกขึ้นสู่กับระบบและกฎเกณฑ์ที่กดทับพวกเขาไว้