ถ้าพูดถึงบทประพันธ์หรือบทภาพยนตร์ยุคเก่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจักรวาลอันยิ่งใหญ่จะมีการพูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยของตัวละครที่ซับซ้อนแต่ไม่ลงลึกเท่ากับความสนใจของคนยุคปัจจุบัน หลายครั้งเพศและวิถีความดึงดูดของตัวละครไม่ได้เป็นจุดสนใจมากนัก อย่างในบทของเรื่อง Star Wars ที่มีบทสนทนาที่พูดถึงความโรแมนติกที่มีเนื้อหาความโรแมนติกซ่อนอยู่ เดิมทีมันเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยที่เชื่อมเรื่องราวความสัมพันธ์เข้าหากันเป็นปกติ แต่เมื่อเนื้อหาเดียวกันถูกเน้นย้ำขึ้นมาในโลกยุคใหม่ ตัวละครอย่าง Obi-Wan Kenobi กำลังได้รับการจับตามองเพราะบทสนทนาบางอย่างชวนให้จินตนาการถึงอิสระทางเพศที่ไม่ใช้เพศสภาพเป็นตัวกำหนด

     หนังสือเล่มใหม่ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสตาร์วอร์ส มีเนื้อหาหลายจุดที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องละเอียดอ่อนของตัวละครมากขึ้น ในภาพยนตร์เราจะเห็นการดำเนินเรื่องผ่านเส้นเรื่องส่วนกลางเป็นหลัก แต่สำหรับหนังสือที่สามารถลงรายละเอียดได้ชัดเจนมากขึ้น การระบุตัวตนของตัวละครจึงเป็นเรื่องที่สำคัญขึ้นมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้คนไม่เพียงเสพเนื้อเรื่อง ลักษณะนิสัย แต่ยังรวมถึงรสนิยม และวิถีทางในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นการใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนจึงสำคัญ และแล้วในหนังสือเล่มใหม่ของเรื่องราวอันเป็นตำนานนี้จึงมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับบทสนทนาที่ชวนหาคำตอบเรื่องเพศของโอบีวัน

ภาพ: Star Wars Fandom

     สิ่งที่ทำให้คนเริ่มอยากรู้เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของโอบีวันคือความอยากรู้สึกและมีประสบการณ์ร่วมเกี่ยวกับการจูบ ซึ่งโอบีวันระบุว่าเขาสงสัยเรื่องจูบ และสงสัยว่าทำไม Audj และ Zae-Brii ชื่นชอบมันมากนัก นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวที่ว่า “ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบพวกเขา หรืออยากเป็นแบบพวกเขา หรือบางทีอยากจะจูบทั้งหมด” แฟนหลายคนจึงตีความว่าโอบีวันมีอารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อมโยงแบบอยากรู้อยากเห็นกับทุกเพศ หรือบางคนนิยามอย่างชัดเจนว่าเป็นไบเซ็กชวลหรือเอเซ็กชวล หรือก็ตีความตัวหนังสือนี้ให้เห็นว่าโอบีวันอาจได้รับคำนิยามว่า “aromantic”

     ถึงแม้จะมีความเห็นออกมาในเชิงคล้อยตามหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ยังมีคนระบุถึงตัวตนของโอบีวันตามบทหลักดั้งเดิม หลายคนอ้างว่าเขา(โอบีวัน) ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไบเซ็กชวลคืออะไร ทว่าความเชื่อเรื่องรสนิยมทางเพศของโอบีวันยังเป็นเรื่องปริศนา การสร้างบรรทัดฐานใหม่คือสิ่งที่ทำให้ทุกคนจะได้ตีความตัวละครนี้อีกครั้ง เพียงคำพูดนิดเดียวอาจทำเราคล้อยไปตามความเห็นที่รู้สึกว่าใช่ แต่สุดท้ายเราก็อาจจะไม่ต้องนิยามว่าเขาเป็นอะไรเลยจะดีกว่า เพราะเพศไม่ใช่เครื่องมือในการระบุตัวตนอย่างชัดเจน ใครอยากเป็นอะไรหรือเป็นอะไรอยู่ก็ดำเนินวิถีชีวิตไปตามนั้น การยัดเยียดคำนิยามบางอย่างอาจไม่ใช่เรื่องถูกต้องเสมอไป ดังนั้นการสร้างสถานการณ์ปลายเปิดให้เราคิดไปตามบทตัวละครแบบนี้คืออีกหนึ่งวิธีที่เราจะทำลายกำแพงบางอย่างเพื่อเสพเรื่องราวและตัวตนของโอบีวันได้ลึกซึ้งขึ้น และนี่อาจเป็นผลดีมากกว่าคำว่ายอมรับเสียอีก