หลังจากแพทย์วินิจฉัยโรคอย่างเป็นทางการว่า Bella Hadid นั้นป่วยเป็นโรคลายม์ (Lyme Disease) เมื่อปี 2013 เธอและครอบครัวก็คอยเป็นกระบอกเสียงให้กับเหล่าผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับโรคนี้เสมอมา ล่าสุดซูเปอร์โมเดลวัย 26 ปีเลือกที่จะให้ความสนใจกับสุขภาพโดยการหยุดพักงานและหันมารักษาโรคลายม์อย่างเข้มข้นเป็นเวลานานถึง 100 วัน โดยเธอได้เล่าถึงประสบการณ์การรักษาครั้งนี้และเรื่องราวการเผชิญหน้ากับอาการป่วยมานานกว่า 15 ปี ผ่านภาพและข้อความบนโพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งเธอได้กล่าววว่า “ตัวฉันในวัยเด็กต้องรู้สึกภูมิใจมากที่ฉันไม่ย่อท้อในตัวเอง” ทั้งยังเผยอีกว่าเธอนั้นอยู่ในจุดที่รู้สึกว่าสุขภาพแข็งแรงแล้ว และถ้าเธอเลือกได้เธอก็ขอเลือกผ่านเส้นทางชีวิตแบบนี้อีกเพราะ “มันทำให้ฉันกลายเป็นฉันในทุกวันนี้”

ผู้ป่วยเป็นโรคลายม์นั้นมักมีอาการไข้หนาวสั่น ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อตามบริเวณร่างกาย บางกรณีนั้นมีผลกระทบถึงการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ ทำให้เป็นโรคหน้าเบี้ยวและเยื่อหุ้มหัวใจอ่อนแรงได้ จึงต้องมีการให้ยาฆ่าเชื้ออย่างจริงจังอยู่บ่อยครั้งเป็นระยะเวลาติดกันนานถึง 10-28 วัน ซึ่งเบลล่านั้นไม่ได้เป็นคนดังจากตระกูลฮาดิดคนเดียวที่เผชิญต่อสู้กับการเป็นโรคลายม์ แม่ของเธอ Yolanda Hadid และน้องชาย Anwar Hadid ก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคลายม์เช่นกัน และได้พูดถึงมันอย่างเปิดเผยผ่านรายการเรียลิตี้โชว์ Real Housewives of Beverly Hills ตั้งแต่ปี 2012 ทำให้สื่อและประเทศสหรัฐอเมริกาหันมาสนใจการรักษาโรคนี้อย่างล้นหลาม

ครอบครัว Hadid ภายในงาน Global Lyme Disease เมื่อปี 2015

ภาพ: Wenn

หลายคนอาจจะสงสัยว่าพี่สาวของเบลล่า Gigi Hadid ผู้เป็นนางแบบชื่อดังนั้นเสี่ยงเป็นโรคลายม์ด้วยหรือไม่ ซึ่งเธอเคยออกมาแถลงว่าเธอเป็นทายาทคนเดียวของโยลันดาที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคลายม์ อย่างไรก็ตามนางแบบสาววัย 28 ปีก็ได้เผยถึงความเจ็บปวดที่ต้องทนเห็นคนในครอบครัวต่อสู้กับโรคร้ายนี้มาเป็นเวลานานกว่าสิบปี ทั้งยังคอยช่วยรณรงค์และเป็นกระบอกเสียงเกี่ยวกับโรคร้ายนี้อยู่บ่อยครั้งตามบทสัมภาษณ์ต่างๆ รวมถึงกล่าวสุนทรพจณ์ในงาน Global Lyme Alliance เมื่อเดือนตุลาคมปี 2015