อีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และได้รับความสนใจอย่างมาก เราคงต้องพูดถึง Kiehl’s (คีลส์) ที่เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1851 โดยมีจุดกำเนิดมาจากร้านขายยาใจกลางกรุงนิวยอร์ก และมี “จอห์น คีลส์” เป็นเจ้าของร้านขายยา แรกเริ่มคีลส์จัดจำหน่ายเพียงแค่ยาบำรุงและน้ำมันขี้ผึ้งสำหรับทาแผลเท่านั้น จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1921 คีลส์ถูกส่งช่วงต่อให้กับลูกมือของจอห์นอย่าง “เออร์วิง มอร์ส” โดยเขาได้ตั้งชื่อร้านใหม่เป็น “Kiehl’s Pharmacy” หรือชื่อทางการค้าที่คุ้นหูของผู้คนในสมัยนั้นว่า “Kiehl’s”  

     ด้วยความโดดเด่นในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ผสานเข้ากับการคัดเลือกสมุนไพร และส่วนผสมที่มีคุณภาพ จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการเฉพาะผิวของคนในพื้นที่ ทำให้คีลส์ยังคงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์ที่ครองใจผู้คนมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นเวลาที่ยาวนานกว่า 170 ปี โดยความพิเศษเหล่านี้ยังถูกถ่ายทอดผ่านเจตนารมณ์ที่ยึดมั่นตั้งแต่วันแรกของแบรนด์ ผสมผสานเข้ากับความมุ่งมั่นที่ต้องการมอบสกินแคร์อันเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและเหมาะสมกับทุกๆ คน จนเกิดเป็นงานอีเวนต์ครั้งสำคัญใจกลางกรุงเทพมหานครกับการเปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด เพื่อตอกย้ำแนวทางของแบรนด์ที่ยึดมั่นมาตั้งแต่ต้น ทั้งยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้คนเจนเนอเรชั่นใหม่ได้เข้ามารู้จักกับประวัติของแบรนด์และผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

     งานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “WE SKINCARE ABOUT YOU SINCE 1851” เนรมิตพื้นที่ลานพาร์คพารากอน ให้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายในแบบฉบับมหานครนิวยอร์ก กับการจัดเซ็ตติ้งด้วย New York Subway อันโดดเด่น พร้อมขนขบวนนำเอาเรื่องราวของแบรนด์ตลอด 170 ปี มาจัดเป็นนิทรรศการขนาดย่อมให้แขกคนสำคัญของคีลส์ได้รู้จักกับแบรนด์ และมองเห็นถึงความทุ่มเทของเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากคีลส์กว่า 4,700 คนทั่วโลก ที่ตั้งใจรังสรรค์สกินแคร์ให้ตอบโจทย์กับทุกความต้องการ

     โดยบรรยากาศในวันเปิดงานที่ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 เป็นไปด้วยความสนุกสนาน และเต็มอิ่มไปด้วยความอบอุ่นจากเหล่า “Friends of Kiehl’s” ไม่ว่าจะเป็น ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี, เต-ตะวัน วิหครัตน์ ตลอดจนศิลปินหนุ่มทั้ง 3 คนจากวง Trinity ไม่ว่าจะเป็น เติร์ด-ลภัส งามเชวง, ปอร์เช่-ศิวกร อดุลสุทธิกุล และ แจ๊คกี้-จักริน กังวานเกียรติชัย ที่ได้ขึ้นมาแสดงความสามารถให้แฟนคลับและแขกคนสำคัญของงานได้รับชมกันผ่านเสียงร้องอันไพเราะ ซึ่งในงานนี้ยังพบกับเหล่าดารา อินฟลูเอนเซอร์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง, นานิ-หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ และ เฟย-ภัทร เอกแสงกุล

     ความพิเศษของงานในครั้งนี้ยังต้องพูดถึงเส้นทางตั้งแต่จุดแรกเริ่มสู่พื้นที่ไฮไลต์ที่คีลส์ได้ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจในแบรนด์และสนุกสนานไปกับแต่ละผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นิทรรศการที่พาเราทุกคนไปรู้จักกับประวัติความเป็นมาของแบรนด์ตั้งแต่ร้านขายยาในอดีตสู่แบรนด์สกินแคร์ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ต่อด้วยการก้าวขึ้นเดินบนรถไฟซับเวย์ที่ให้บรรยากาศแบบนิวยอร์ก ซึ่งภายในรถไฟขบวนพิเศษนี้เต็มไปผลิตภัณฑ์ชิ้นมาสเตอร์พีซต่างๆ ที่ทางแบรนด์ได้นำมาจัดแสดงและมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งยังพบกับพื้นที่เช็กอินของเหล่าวัยรุ่นกับจุดถ่ายภาพที่เนรมิตรความสนุกสนานด้วยภาพกราฟิกที่ฉายจากโปรเจกเตอร์ ต่อด้วยบูธที่ให้คำปรึกษาในเรื่องของปัญหาผิวจากผู้เชี่ยวชาญของคีลส์โดยเฉพาะ ซึ่งในแต่ละจุดที่เราได้แวะเวียนเข้าไปก็จะได้รับของขวัญเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นทดลองต่างๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย

     ไม่เพียงกิจกรรมเหล่านี้ที่ให้เราได้ร่วมสนุกเท่านั้น สำหรับสาวกของคีลส์พบกับโปรโมชั่นที่แรงที่สุดแห่งปีที่จัดเซ็ตผลิตภัณฑ์มาให้แฟนๆ ได้เลือกช็อปกันแบบคุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นเซ็ตสกินแคร์ที่ตอบโจทย์และดูแลในเรื่องของจุดด่างดำ หรือจะเป็นเซ็ตโทนเนอร์ตัวดังอย่าง Calendula Toner ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในคอลเล็กชั่นเดียวกันนี้ โดยทุกการช็อปจะได้รับของสมนาคุณกลับบ้านกันแบบเต็มไม้เต็มมืออย่างแน่นอน 

     ซึ่งอีเวนต์ในครั้งนี้ยังมีความพิเศษอื่นๆ อีกมากมายที่ให้เราได้ร่วมสนุกสนานไม่ว่าจะเป็น โชว์เซิร์ฟสเกต, กิจกรรมเอาใจสายอาร์ตกับการเพนต์งานกราฟิตี้กลางสยาม, มินิคอนเสิร์ตจากวงบอยแบนด์สุดฮอตอย่าง “PROXIE”, ชมลวดลายการเต้นกับโชว์ Street Dance ที่หาดูได้ยาก, ดนตรีสดจากวง “EVENING SUNDAY” และส่งท้ายด้วยกิจกรรมเพ้นต์หน้าในค่ำคืนวันฮาโลวีนสุดหลอน 

     สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จากคีลส์ พร้อมรู้จักกับแบรนด์ และถ่ายรูปคู่กับขบวนรถไฟซับเวย์สายพิเศษที่ส่งตรงกลิ่นอายจากมหานครนิวยอร์กให้เราได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเหล่าไอเท็มไอคอนิกของแบรนด์ที่ขนขบวนมาให้สาวกของคีลส์เลือกช็อปกันในจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่  31 ตุลาคม 2565 นี้เท่านั้น ณ ลานพาร์คพารากอน