“นาฬิกาติดผนัง” หรือ Wall Clock นอกจากจะมีคุณสมบัติที่สามารถบอกเวลาจากการมองเห็นระยะไกลแล้ว ยังสามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่ใช้สำหรับตกแต่งห้อง บ้าน หรือออฟฟิศได้ด้วย เรียกว่าเป็นไอเท็มอีกหนึ่งชิ้นที่เพิ่มความสวยงามและความน่าสนใจให้กับสถานที่ได้อีกด้วย และหากเราอยากจะได้นาฬิกาสวยๆ สักเรือนมาเป็นไฮไลต์ประดับห้องพร้อมกับการใช้งานที่ยาวนาน และแมตช์เข้ากับสถานที่ที่เราจะติดตั้ง จะต้องนึกถึงอะไรบ้าง มารู้ทิปส์ดีๆ ที่เราเอามาฝากกันในบทความนี้

 

ภาพ: Windupwatchshop, Shopee

1. เลือกประเภทของนาฬิกาก่อน

     ประเภทของนาฬิกาติดผนังนั้นแยกง่ายๆ เป็น 2 ระบบคือ อนาล็อก และ ดิจิทัล  

• นาฬิกาติดผนังระบบอนาล็อก: เป็นประเภทนาฬิกาที่ใช้กันอย่างยาวนาน ขนาดของมันจะค่อนข้างตอบโจทย์การมองเห็นจากระยะไกลได้อย่างดี แต่ข้อที่บางคนกังวลคือ หากใช้นานๆไปอาจจะได้ยินเสียงเข็มเดินเป็นจังหวะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแบรนด์ และรุ่นของนาฬิกาว่าเก่าขนาดไหน เพราะปัจจุบันหลายแบรนด์ได้มีนวัตกรรมการเดินเข็มวินาทีแบบเรียบ เหมือนนาฬิกาจักรกล หรืออีกอย่างหนึ่งคือไม่มีเข็มวินาทีไปเลยก็มี 
• นาฬิกาติดผนังระบบดิจิทัล: เป็นนาฬิกาที่บอกค่าเวลาป็นตัวเลขที่แสดงอย่างชัดเจน โดยบางรุ่นก็มีฟังก์ชั่นที่บอกทั้งอุณหภูมิและวันที่ แต่ในเรื่องความสวยงามนั้นนาฬิกาแบบนี้อาจจะมีทางเลือกให้ไม่มากนัก ทั้งนี้ อาจเหมาะกับออฟฟิศ หรือเจ้าของบ้านที่รักความล้ำสมัย ดูโมเดิร์นแบบดิจิทัล

 

ภาพ: Pinterest 

2. ขนาดของนาฬิกา

     เรื่องขนาดของนาฬิกานั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เพราะจุดประสงค์หลักของการติดตั้งนาฬิกาแขวนผนังคือการที่ทุกคนสามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน รวดเร็ว ขนาดที่แนะนำของนาฬิกาติดผนังคือหน้าปัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้วขึ้นไป เพราะถ้าหากหน้าปัดนาฬิกามีเล็กกว่านี้จะดูเวลาลำบาก ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร 

 

 

ภาพ: Pinterest

3. สไตล์ และสีของนาฬิกา

     จริงๆ แล้วเรื่องของสไตล์นั้นเกี่ยวกับความชอบส่วนบุคคล ไม่มีอะไรถูกหรือผิดแบบจริงจัง แต่พอจะมีทริคเล็กๆ เป็นแนวทางในการเลือกสไตล์ที่เข้ากับสถานที่ที่เราจะนำนาฬิกาไปติดตั้งคือการดูแนวทางการตกแต่งของสถานที่นั้นๆ เช่น หากเป็นออฟฟิศที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี มีคอมพิวเตอร์ตั้งเรียงราย ควรเลือกนาฬิกาแขวนผนังสไตล์โมเดิร์น เรียบๆ เห็นเลขชัดเจน หรือเลือกเรือนที่มีหลักบอกเวลาเป็นแบบขีดตรงๆ ดูทันสมัย 

     กรณีหากห้องรับแขกนั้นมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่โชว์แมตทีเรียลแบบดิบๆ ก็สามารถเลือกนาฬิกาแขวนผนังให้แมตช์กับเฟอร์นิเจอร์ได้โดยเลือกแมตทีเรียลที่ใกล้เคียง หรือสีที่เข้ากันได้เช่น สีเอิร์ธโทน หรือสีทองก็สามารถสร้างความโดดเด่นที่เข้ากันได้ อีกข้อหนึ่งคือการเลือกสีของนาฬิกาโดยดูจากสีของผนังเป็นหลักก่อน เช่น หากสีผนังของคุณเป็นสีโทนมืด ก็ควรเลือกนาฬิกาสีโทนตรงข้ามคือสีสว่างอย่างเช่น ขาว ครีม หรือจะเป็นโทนคัลเลอร์ฟูลไปเลยก็ได้  เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้สีตัดกับผนังได้อย่างสวยงาม

 

ภาพ: Shien, Flexistyle, auromin.in

4. แมตทีเรียลของนาฬิกา

     วัสดุแต่ละประเภทที่นำมาใช้ทำนาฬิกาแขวนผนังนั้นมีความสำคัญทั้งในแง่ของความคงทน ความสวยงาม ราคา และการดูแลรักษาด้วย จึงควรเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานและจุดประสงค์ให้มากที่สุด โดยสามารถแยกได้ 3 วัสดุหลักๆ ดังนี้

พลาสติก: เป็นวัสดุหนึ่งที่หาง่ายที่สุด มีอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป และมีแบบ และดีไซน์ที่หลากหลาย มีสีสันมากมายให้เลือกสรร เห็นได้ตามท้องตลาด รวมถึงราคาไม่แรงมากเท่าวัสดุอื่น การดูแลรักษาก็ง่าย แต่ที่ควรระวังคือ ไม่ควรแขวนในที่ที่มีแดดส่องตลอดเวลา หรือหลีกเลี่ยงแดดโดยตรงจะดีที่สุด 

ไม้: เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทานค่อนข้างมาก เสริมลุควินเทจและโมเดิร์นวินเทจได้อย่างลงตัวให้กับสถานที่ที่ติดตั้ง ให้ความรู้สึกสงบ เรียบง่าย แต่ก็หรูหราแบบของเก่า วินเทจขึ้นมาเล็กน้อย การเก็บรักษาก็ควรหลีกเลี่ยงที่ที่มีความชื้นสูงเพื่อยืดอายุการใช้งาน

โลหะ: เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานที่สุด ให้ความหรูหราได้อย่างพอดิบพอดี แต่เรื่องของการติดตั้งนั้นต้องดูแลให้ดี เพราะจะมีน้ำหนักเยอะมากกว่าวัสดุอื่นๆ มักจะมีความสวยงานแบบแวววับ สะท้อนกับแสง การดูแลรักษาจึงควรจะประดับในที่แห้ง ไม่มีความชื้นมากเกินไป สุดท้ายคือเป็นวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย 

 

ภาพ: Vintageartcollectibles, Alexnld

5. แบตเตอรี่

     นาฬิกาติดผนังส่วนมากจะเป็นระบบควอสซ์ หรือใช้ถ่านในการให้พลังงานเพื่อให้นาฬิกาทำงาน ขนาดของถ่านทั่วไปที่มักจะใช้กันคือ  AA หรือ AAA หรือหากเป็นนาฬิกาที่มีเสียงเพลงทุกชั่วโมง หรือมีลูกเล่นการขยับของกลไกบนหน้าปัดก็อาจจะใช้ถ่านในปริมาณที่มากขึ้น และหากคุณเป็นสายรักษ์โลก คุณก็สามารถเลือกถ่านแบบชาร์จได้ และถ้าหากเป็นนาฬิกาดิจิทัลในบางรุ่นก็สามารถเชื่อมเข้ากับปลั๊กได้โดยตรง