เรื่อง: ฐาดิณี รัชชระเสวี
ภาพ: Courtesy of the artist
ในวงการ Art Toy คงไม่มีใครไม่รู้จักลาบูบู้ (Labubu) เบื้องหลังผลงานสร้างสรรค์ชื่อดังแห่งยุคคือศิลปินชาวดัตช์เชื้อสายฮ่องกงที่ชื่อ Kasing Lung จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ แบบไม่ตั้งใจกลายเป็นงานศิลปะที่ทุกคนต่างหมายปอง แบรนด์ต่างๆ อยากร่วมงานด้วย คนดังทั่วโลกล้วนมีลาบูบู้ในครอบครอง อะไรคือที่มาและทำไมคาแร็กเตอร์นี้ถึงมีเสน่ห์นัก คาซิงมาเล่าให้โว้กฟังแบบเอ็กซ์คลูซีฟโดยเฉพาะ

1 / 3

2 / 3

3 / 3
Vogue: ก่อนที่จะมีลาบูบู้ อยากให้คุณพูดถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นศิลปินของตัวเองให้เราฟังหน่อยได้ไหม
Kasing: ผมเกิดที่ฮ่องกง แล้วต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่เนเธอร์แลนด์ ปีแรกที่ผมไปอยู่ที่นั่น ผมพูดภาษาดัตช์ไม่ได้เลย ครูของผมเลยให้สมุดภาพผมมาหลายเล่มเพื่อจะได้เรียนภาษา นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมชอบสมุดภาพมาก จากนั้นผมก็เริ่มอ่านการ์ตูน การ์ตูนที่ผมหลงใหลมากๆ คือ Smurf สเมิร์ฟคือที่มาที่ทำให้ผมเริ่มอยากเรียนวาดภาพ อยากเป็นศิลปิน อยากทำภาพยนตร์
V: ได้ยินว่าคุณใช้ชีวิตอยู่ที่แอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ที่นั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วย
K: ใช่ครับ หลังจากแต่งงานผมก็ย้ายไปอยู่ที่นั่น เพราะภรรยาของผมเป็นคนจีนกวางตุ้งที่เกิดที่เบลเยียม ตอนผมอยู่ที่เบลเยียมก็เริ่มวาดภาพ ผมได้พบกับเพื่อนที่เป็นผู้กำกับละครเวทีชื่อดังของที่นั่น แล้วก็เริ่มวาดภาพสตอรี่บอร์ดให้เขา ช่วงนั้นเองที่ผมเริ่มสร้างคาแร็กเตอร์ลาบูบู้ไปด้วย รวมถึงวาดสมุดภาพเพื่อตีพิมพ์ขาย ที่เบลเยียมผมได้พบกับผู้จัดการของผม เขาทำงานในวงการของเล่น เรารู้จักกันเพราะผมโพสต์ผลงานตัวเองลงโซเชียลมีเดีย จากนั้นเขาก็ติดต่อมา
V: สเมิร์ฟคือแรงบันดาลใจหลักในการสร้างสรรค์คาแร็กเตอร์ของคุณด้วยใช่ไหม
K: ใช่ครับ หลังจากรู้จักกับผู้จัดการ เราเริ่มทำงานด้วยกัน น่าจะสักปี 2000 เราทำซีรี่ส์เกี่ยวกับสัตว์ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร ตอนนั้นพวกของเล่นเริ่มดัง พอปี 2009 ผมก็เริ่มสร้างลาบูบู้ โดยเริ่มจากแนวคิดเดียวกับสเมิร์ฟคือมีอาณาจักรของตัวเอง อาณาจักรที่ผมสร้างคือ Labubou World, the Monster Land ผมเริ่มวาดทุกอย่างลงในสมุดออกแบบของตัวเอง ผมทำๆ หยุดๆ จนกระทั่งปี 2015 ที่เริ่มทำอย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่สำเร็จเท่าไร จนกระทั่งคาแร็กเตอร์นี้ถูกนำไปขายที่ไต้หวันและประเทศจีน ทำให้มันดังขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเขานำไปทำกล่องสุ่มก็เริ่มมีคนดังซื้อมาสะสมและโพสต์ลงโซเชียลอย่างที่ทุกคนได้เห็น
V: เราได้เห็นลาบูบู้หลายเวอร์ชั่นมากๆ แต่ละเวอร์ชันก็มีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่าง อยากทราบว่าที่มาของคาแร็กเตอร์นี้ตัวตนแบบออริจินัลของเขาคืออะไร
K: แน่นอนว่าสเมิร์ฟคือแรงบันดาลใจ ผมหลงใหลสเมิร์ฟมาก ที่มาจริงๆ จึงมาจากตัวสัตว์ประหลาด แต่ว่าไม่ดุร้าย น่าจะเป็นสัตว์ประหลาดตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า ตอนที่ผมเริ่มวาดลาบูบู้ ผมอยากสร้างอะไรที่คนน่าจะหลงรัก ขณะเดียวกันก็อยากได้อะไรที่แตกต่าง แม้กระทั่งชื่อของคาแร็กเตอร์ผมก็ตามหาอยู่นานมาก เพราะผมอยากให้คาแร็กเตอร์นี้มีโลกของตัวเอง และเป็นได้ทั้งสมุดภาพ ของเล่น หรือแม้กระทั่งแอนิเมชั่นและวิดีโอเกม ลาบูบู้จึงมีคาแร็กเตอร์มากมาย เพราะเขาอยู่ในจักรวาลของตัวเอง ผมออกแบบแล้วออกแบบอีก ทำให้โปรเจกต์นี้เดินช้ามากๆ จนกระทั่งปี 2015 ทุกอย่างเริ่มลงตัวเพราะผมได้แรงบันดาลใจมาจากลูกสาวของผม
V: น่ารักมากๆ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้คุณอย่างไรบ้าง
K: ตอนนั้นเธอน่าจะอายุประมาณ 3 หรือ 4 ขวบ ชอบเดินไปรอบๆ เช็กโน่นเช็กนี่แล้วก็เล่นไปเรื่อยๆ ทำเสียงบูบู้ เย่ๆ ผมเลยได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อรวมถึงคาแร็กเตอร์ของลาบูบู้ด้วย จริงๆ ก็ได้แรงบันดาลใจหลายๆ อย่างมาจากเธอนะในการสร้างสรรค์ตัวคาแร็กเตอร์นี้ในตอนแรกๆ พอต้องทำออกมาหลายๆ เวอร์ชัน ผมก็เริ่มมองคนรอบตัวโดยใช้ลักษณะหรือนิสัยเด่นๆ ของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างลาบูบู้บุคลิกอื่นๆ เช่น เพื่อนที่เสียงดัง เพื่อนที่แข็งแรง หรือเพื่อนที่เพี้ยนๆ หน่อย (หัวเราะ)

1 / 3

2 / 3

3 / 3
V: คุณคิดอย่างไรกับมุมมองที่ว่าคุณเป็นผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมเอเชียและศิลปะให้ไปสู่สากล
K: เชื่อไหมผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย เพราะส่วนตัวผมมาจากเนเธอร์แลนด์ ผมมีความเป็นดัตช์สูงมาก (หัวเราะ) แต่จากการที่ผมได้เดินทางไปทั่วโลก ผมมาที่นี่ (ประเทศไทย) ผมไปทัวร์ที่ยุโรป ลอนดอน ผมพบว่างานของผมเป็นภาษาสากลเพราะความเชี่ยวชาญของคนในแต่ละพื้นที่ เช่น ผู้จัดการร้านที่ขายสินค้าของผมในปารีส อิตาลี อังกฤษ รวมถึงเนเธอร์แลนด์ ทุกคนมีวิธีการนำเสนอลาบูบู้ในแบบของตัวเอง การที่ลาบูบู้ไปอยู่ในแต่ละที่ก็เป็นการนำเสนอวัฒนธรรมหรือความเป็นสถานที่นั้นๆ เช่นกัน ทำให้เราเห็นลาบูบู้ในวัฒนธรรมที่หลากหลาย และในความหลากหลายนั้นทุกคนต่างก็ชอบเขา (ลาบูบู้) ผมมองว่าศิลปะต่างหากที่เป็นภาษาสากล ผมคิดว่าสิ่งที่เชื่อมโยงทุกชาติทุกภาษาเข้าไว้ด้วยกันคือลาบูบู้ที่ไปปรากฏตัวในที่ต่างๆ มากกว่า
V: อะไรในตัวลาบูบู้ที่ทำให้คนหลงใหล
K: ความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร หน้าของเขาดูเหมือนจะดุร้าย แต่ก็เหมือนตุ๊กตา ที่น่าสนใจคือในแต่ละที่ที่ผมไปจะตีความลาบูบู้ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งในอัมสเตอร์ดัม เธออายุ 87 ปี ชอบสะสมลาบูบู้ เธอบอกผมว่าลาบูบู้เหมือนหลานชายของเธอ หลานชายของเธออายุ 5 ขวบ ผมมีความสุขมากที่ได้ฟังเรื่องพวกนี้ บางคนบอกว่าลาบูบู้ดูเป็นเด็กซนๆ บางคนบอกว่ามันไม่ได้ดูน่ารักจนเกินไป ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของคนที่จะมองลาบูบู้ในมุมมองของตัวเอง
V: คุณอยากให้คนจดจำอะไรเกี่ยวกับงานของคุณ
K: ผมบอกเพื่อนเสมอว่าเรื่องนี้มันเหมือนฝัน ในส่วนของคนทำงานเราย่อมอยากให้งานของเราอยู่ไปนานๆ ตัวอย่างเช่น สเมิร์ฟ อยู่มาประมาณ 50-60 ปีแล้ว เรายังจำคาแร็กเตอร์ของสเมิร์ฟได้หมด แต่เราก็ต้องยอมรับว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คาแร็กเตอร์บางตัวมีอายุแค่ 5 ปีด้วยซ้ำ ผมไม่ได้อยากทำอะไรที่คงอยู่ตลอดไป แต่ผมอยากสร้างอะไรบางอย่างให้เป็นมรดกแก่คนรุ่นหลัง ผมอยากทำหนังสือภาพหรือภาพวาดที่ไม่ว่าจะเปิดดูกี่ครั้งก็รู้สึกว่าไม่ล้าหลัง ถ้าผมตายไปผมอยากให้คนจำงานของผม เห็นงานของผมแล้วรู้สึกผูกพันหรือเชื่อมโยงกับความทรงจำของเขา แค่มีคนหนึ่งที่รู้สึกอย่างนั้นผมก็ภูมิใจแล้ว
V: คำถามสุดท้าย ศิลปินรุ่นหลังๆ มีคุณเป็นไอดอล คุณมีอะไรอยากจะบอกพวกเขาไหม
K: ผมคิดว่าถ้าพวกเขาอยากสร้างของเล่นแนวอาร์ตทอยหรืองานอะไรก็แล้วแต่ เขาน่าจะต้องสร้างอะไรที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน อะไรบางอย่างที่ใหม่ อะไรที่แตกต่าง เพราะบางครั้งผมเห็นศิลปินทำอะไรที่คล้ายๆ กับที่เคยมีอยู่แล้ว สำหรับผมถ้าคุณอยากทำงานให้เป็นที่จดจำ คุณต้องสร้างอะไรที่ใหม่ไปเลย ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมากนะ เพราะตอนที่ผมเริ่มจรดปากกาครั้งแรก ผมอยากสร้างอะไรที่แตกต่าง พอสร้างอะไรที่แตกต่าง คุณจะสร้างตัวละครของตัวเองที่มีบุคลิกไม่เหมือนใคร และนั่นคือของขวัญที่คุณจะให้กับโลกใบนี้ได้
