แม้มีงบจำกัดก็สามารถพลิกโฉมห้องที่เป็นเสมือนโลกทั้งใบของเรา เผยความเป็นตัวตนผ่านสิ่งของ และผ่านสไตล์การตกแต่ง ซึ่งหนึ่งในแนวทางการตกแต่งที่นิยมมากที่สุดคือ “สไตล์วินเทจ” เพราะความวินเทจคือความงดงามของวันวานที่ผ่านพ้นไปหรือสิ่งที่มีความหมายกับความคิดและจิตใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นของเล่นวัยเด็ก ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบในอดีต หรือของสะสมในคอลเล็กชั่นส่วนตัว ตลอดจนถึงแฟชั่นที่เคยฮอตฮิตแต่กลายเป็นไอคอนในปัจจุบัน เป็นต้น ฉะนั้นการแต่งห้องแนวนี้นั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย สำหรับใครที่ยังนึกไม่ออก วันนี้โว้กขอมาจุดประกายไฟแห่งความเป็นอินทีเรียร์ด้วยไอเดีย ‘แต่งห้องนอนสไตล์วินเทจ’ ที่ใช้งบน้อย แต่สร้างบรรยากาศห้องได้สวยถูกใจแน่นอน

 

ภาพ: Pinterest, Electroparedes.pt

ห้ามขาด…ภาพวินเทจ 

     แบ่งพื้นที่ผนังห้องบริเวณหนึ่งเพื่อแปะหรือแขวนภาพเพิ่มบรรยากาศอดีตฝันวันวาน เป็นมุมแห่งความทรงจำอันงดงามผ่านรูปภาพที่ชอบหรือสะท้อนความเป็นตัวเอง อาจจะเป็นรูปถ่ายที่ตัวเองถ่ายจะประหยัดงบมาก ซึ่งบางคนอาจถือโอกาสสร้างแกลเลอรีส่วนตัว เป็น Hall of fame สไตล์ไพรเวต อวดผู้มาเยือน แถมหันมองทีไรก็ไม่เบื่อ มีแต่เรื่องราวดีๆ ในอดีตให้หวนนึกถึง แต่หากใครไม่ใช่สายถ่ายภาพ โปสเตอร์หนังเก่าๆ ที่เคยคลั่งไคล้ก็สามารถนำมาติดผนังได้โดยไม่ต้องเสียค่ากรอบรูป แต่ภาพทั้ง 2 ประเภทนั้นมีทริคในการติดภาพอยู่คือการติดภาพหลากหลายขนาด ให้ชิดติดกันบนพื้นที่ที่กำหนดไว้ เช่น กำหนดการติดภาพให้อยู่ในผนังด้านหนึ่งข้างเตียง ไม่ติดไปทั่วห้อง เป็นต้น เป็นการสร้างมิติการมองเห็น และด้วยความไม่เป็นระเบียบนี้ถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่สะท้อนความสุขที่มีต่อความไม่เพอร์เฟกต์ในตนเองและโลกใบนี้

 

 ภาพ: t3.gstatic, Pinterest

ไฟหิ่งห้อย หรือไฟ LED สี Warm Light 

     โคมไฟสไตล์วินเทจทั้งที่เป็นกระเบื้องโมเสจโปร่งแสงสีต่างๆ หรือโคมไฟตั้งโต๊ะ หรือตั้งพื้นแบบอาร์ตเดโค ผลิตจากทองเหลืองเนื้อดี อาจจะตอบโจทย์ความวินเทจได้อย่างจัง แต่แน่นอนว่าไม่โดนใจเรื่องงบแน่นอน อย่าให้เรื่องอำนาจการใช้จ่ายปิดกั้นไอเดียห้องวินเทจในฝันไปได้ สิ่งที่ตอบโจทย์ในเคสนี้คือ ไฟหิ่งห้อย หรือไฟ LED สี Warm White แสงออกเหลืองๆ หน่อย เหมือนบรรยากาศในหอสมุด สถานที่รวบรวมเรื่องราวในอดีตอันยิ่งใหญ่ และความรู้ที่เป็นอมตะ ซึ่งนอกจากเรื่องสีของแสงและงบที่ไฟหิ่งห้อยตอบโจทย์แล้ว ต้องยอมรับว่าด้วยความเลื้อย ยืดหยุ่น และแสงที่เป็นจุดเล็กๆ เหมือนแสงเทียนน้อยๆ นั้น สร้างความโรแมนติก มอบบรรยากาศโคซี่ให้ตลบอบอวลไปทั้งห้องได้อย่างไร้ข้อกังขามากๆ สุดท้ายคืออย่าลืมเลือกอุปกรณ์ไฟที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันอัคคีภัยที่อาจจะเกิดจากไฟฟ้าได้ และอย่าใช้ไฟกระพริบเด็ดขาด เพราะห้องนอนกับต้นคริสต์มาสมีความต้องการและความเหมาะสมที่ต่างกัน

 

 ภาพ: Architecturaldigest, Pinterest

ไม่มีเตียง ใช้ฟูกที่นอนวางบนพื้นแบบเบสิก

     สำหรับเตียงสไตล์วินเทจวัสดุอาจจะเป็นไม้เก่าหรือการออกแบบสไตล์วิกตอเรีย โครงเหล็กหัวเตียงแบบอาร์ตเดโค หรือกระทั่งเตียงที่โชว์วัสดุดิบๆ แบบ Loft ก็นำมาผสานกับห้องวินเทจในฝันของเราได้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่งบประมาณในมือนั้นดับฝันเรื่องเตียงไป แต่งบนั้นไม่อาจทำร้ายฝันเรื่องวินเทจไปได้ ทางออกนั้นง่ายมาก ถ้าเตียงคือสิ่งที่เกินฝันจึงไม่ต้องมีเตียงไปเลยก็ได้ แค่ฟูก 1 หลังกับไอเดียดีๆ อีกเป็นร้อยก็ได้บรรยากาศวินเทจแบบจัดเต็ม ซึ่งการวางฟูกบนพื้นแบบนี้เป็นที่นิยมมาก สืบเนื่องมาจากความนิยมการแต่งห้องสไตล์มินิมัลที่เน้นความเรียบง่าย และความน้อยของจำนวนเฟอร์นิเจอร์ ส่วนข้อควรระวังคือการทำความสะอาดนั้นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ขณะทำความสะอาดพื้นก็อาจเกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่น ซึ่งอาจตกลงไปบนที่นอนของเราได้จึงต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้งกว่าการนอนบนเตียง

 

 

 ภาพ: Wattpad, Mydesiredhome

ชั้นวางของแบบเปิดโล่ง โชว์ของวินเทจ

     ชั้นวางของแบบเปิดโล่งเสมือนพื้นที่โชว์เคสอีกรูปแบบหนึ่งที่รองลงมาจากการแปะรูปภาพวินเทจบนผนัง เราสามารถโชว์ของต่างๆ เช่น หนังสือ, DVD, แจกัน, ของที่ระลึกตอนไปเที่ยวที่ต่างๆ ได้อย่างอิสระ ต่างจากการจัดแบบมินิมัลที่ต้องเก็บของเข้าตู้ ไม่โชว์ออกมา ซึ่งเสน่ห์ของทั้ง 2 สไตล์ก็มีต่างกัน สไตล์วินเทจนั้นอาจดูไม่สงบ เรียบร้อยเท่ามินิมัลก็จริงแต่ทุกอย่างที่จัดวางอย่างระเกะระกะ “เบาๆ” นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราว เต็มไปด้วยชีวิตและจิตวิญญาณอย่างล้นเอ่อ สุดท้ายก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ถ้าชอบสไตล์วินเทจ ก็ต้องเลือกชั้นวางแบบเปิดโล่งเท่านั้น  บวกกับศิลปะการจัดวางของแต่ละคนด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วการจัดวางนั้นมันก็คือตัวตนของเราอยู่ดี

 

 

     ไม่ว่าสไตล์การแต่งห้องของคุณจะเป็นสไตล์ไหน จะเป็นวินเทจหรือไม่ หัวใจสำคัญของการปรับโฉมห้องในฝันวินเทจคืองบประมาณ ความสะอาด และเวลา เพราะงบประมาณคือปัจจัยที่จะชี้ขาดได้ว่าเราจะสามารถไปไกลได้ถึงไหน ส่วนความสะอาดนั้นคือหัวใจหลักของการอยู่อาศัยในทุกๆ ที่ สุดท้ายคือเวลา…จงให้เวลากับการสร้างสรรค์งานศิลป์นี้อย่างเต็มที่ และจงใช้ทุกวินาทีดื่มด่ำกับผลงานที่เราสร้างสรรค์มานี้อย่างมีความสุข