สำหรับ 'ตรี-ภรภัทร ศรีขจรเดชา' การแสดงเริ่มต้นจากความฝันของแม่ จากนั้นเขาก็ตกหลุมรักอาชีพนี้เข้าเต็มเปา แม้แสงสปอตไลต์จะแลกมาด้วยคำวิจารณ์มากมาย แต่เขาก็พร้อมพิสูจน์และพัฒนาตัวเอง จนถึงวันนี้ตรีบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่อง เวลากามเทพ ผลงานล่าสุด

Vogue: ตรีเคยเล่าว่าอาชีพนักแสดงเริ่มต้นจากความฝันของแม่ใช่ไหม

Tre: ใช่ครับ แม่ฝันอยากเห็นลูกชายในละครทีวีที่เขาชอบดู เวลาเห็นแม่นั่งยิ้มอยู่หน้าจอแล้วคุยไลน์กับเพื่อนถึงละครที่ลูกชายเล่น ผมจะมีความสุขมากและอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ พอย้อนนึกถึงวันแรกแล้ว ผมเดินทางมาไกลพอสมควรนะ ตอนนั้นคิดแค่ว่าต้องพูดบทให้ถูก และแสดงให้ได้ ยังไม่เข้าใจตัวละครหรือวิธีการเล่นละครเหมือนตอนนี้

V: จุดเปลี่ยนไหนที่ทำให้ตกหลุมรักการแสดง

T: คงเป็นตอนที่เล่นเรื่อง ภาตุฆาต แล้วได้ผลตอบรับดีมาก เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่มีค่า ผ่านการถ่ายทอดชีวิตของตัวละคร ซึ่งให้ทั้งความสนุกสนานและข้อคิดที่มีประโยชน์แก่คนดู หลายครั้งที่ผมได้รับฟีดแบ็กว่ามีคนเลิกงานแล้วรีบกลับบ้านมาดูละครที่เราเล่น ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันมาก เพราะตั้งแต่เกิดจนอายุ 27 ปี ผมไม่ค่อยได้รับคำชมเท่าไร สมัยเด็กๆ ผมค่อนข้างเกเร ไม่เคยมีความฝัน เวลามีคนถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร มันตอบยากมาก เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าอยากทำอะไร แต่วันนี้คิดว่าเจอมันแล้ว (ยิ้ม)

V: นอกจากการแสดง เรื่องสำคัญที่ได้เรียนรู้จากวงการบันเทิงคืออะไร

T: ผมคิดเสมอว่าต้องทำทุกวันให้ดีที่สุด ผมโชคดีที่ได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานนี้ ชีวิตการแสดงของผมเหมือนเดินขึ้นบันไดทีละก้าว ไม่ได้พุ่งแบบขึ้นลิฟต์ แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆ สอนให้โตขึ้น กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลยครับ ตั้งแต่ทำการบ้านกับบทบาทที่ได้รับ ทักษะด้านไหนที่ยังทำไม่ดีก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติม รวมถึงคำดูถูกและสบประมาทต่างๆ ตอนผมเล่นละครใหม่ๆ มีคนบอกว่าไม่เห็นเก่ง นี่หล่อแล้วหรือ เป็นพระเอกได้ไง ถ้าให้บอกความรู้สึกตรงๆ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเราไปทำอะไรให้เขาขนาดนั้น แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเราเป็นฝ่ายนำเสนอเนื้อหา คนดูก็มีสิทธิ์วิจารณ์ อยู่ที่เราจะนำคอมเมนต์เหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร ผมอยากพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าตลอด จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้

V: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงมา

T: น่าจะเป็นการได้เป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่องล่าสุดคือ เวลากามเทพ เป็นบทที่ยากที่สุดตั้งแต่เล่นละครมา กดดันสุดๆ แต่ก็มีความสุขมากเช่นกัน ผมต้องขอบคุณพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) และทีมงานที่ให้โอกาสนี้ เป็นงานที่ทำให้ผมได้เรียนรู้เยอะมาก เป็นประสบการณ์ที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้

V: คิดไหมว่าชีวิตจะมาถึงวันนี้

T: ไม่มีทางเลยครับ (ยิ้ม) ผมไม่เคยฝันจะมายืนตรงนี้ ไม่คิดว่าตัวเองจะให้ความสุขคนอื่น หรือทำสิ่งที่มีค่าเหมือนทุกวันนี้ได้ ขณะเดียวกันผมก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำมาก งานแสดงทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ได้ประสบการณ์ในแบบที่น้อยคนจะได้รับ ผมจึงพยายามเต็มที่กับทุกวัน อยากสร้างผลงานดีๆ ให้ตัวเองภูมิใจ และเพื่อคนดูจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดด้วย