LIFESTYLE

9 เรื่องจริงที่คุณอาจพลาดไปในภาพยนตร์เรื่อง The Princess Diaries

ก่อนพบการเดินทางครั้งใหม่ตามไปดูเรื่องจริงที่คุณอาจพลาดไปใน 2 ภาคแรก

     เป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่าภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่อง The Princess Diaries กับราชวงศ์ในประเทศเจโนเวียนั้นชนะใจผู้ชมมาแล้วทั้ง 2 ภาค และแม้จะผ่านมาเกือบ 20 ปีหลังภาคล่าสุดออกฉาย หากแฟนภาพยนตร์ก็ยังคงตั้งตารอคอยการกลับมาของตัวละครเอกทั้ง 2 ตัวอย่าง Princess Mia ที่รับบทโดย Anne Hathaway และ Queen Clarisse รับบทโดย Julie Andrews กระทั่งแว่วเสียงว่าภาพยนตร์ภาคต่อลำดับที่ 3 ของแฟรนไชส์เรื่องนี้กำลังถูกปรับแต่งบทโดยนักเขียนคนเดิม Meg Cabot อย่างเข้มข้น ซึ่งนักแสดงตัวหลักอย่างแอนน์เองก็ออกมาพูดแล้วด้วยว่ายินดีมากที่จะได้กลับไปเล่น เพราะเธอรักบทบาทนี้ไม่ต่างจากที่แฟนๆ ภาพยนตร์ชื่นชอบมัน หากก่อนที่ภาค 3 จะเริ่มต้นการถ่ายทำหรือปล่อยวันฉายที่แน่ชัด บทความนี้จะพาแฟนๆ ไปรื้อฟื้นความทรงจำ และพาดูว่าข้อเท็จจริงอะไรในภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้ที่คุณอาจพลาดไปบ้าง

ภาพ: PopSugar

1. Fat Louis คือแมวเพียงตัวเดียวที่มีอาเลี้ยง แต่ในความเป็นจริงแล้วระหว่างการถ่ายทำมีการใช้แมวถึง 4 ตัวเข้ามาสับเปลี่ยน เนื่องจากแมวบางตัวสามารถสั่งให้นั่งได้อย่างเดียว ขณะที่บางตัวไม่กลัวการถูกอุ้ม และบางตัวก็สามารถเดินไปมาได้ตามที่ต้องการ ทั้งนี้ในสี่ตัวนั้นมีหนึ่งตัวที่เป็นแมวจริงๆ ของนักแสดงแอนน์เองด้วย

 

2. หลังตัวละครมีอารู้ข่าวว่าเธอมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งเจโนเวีย เธอก็โกรธแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะเสียใจที่ถูกปิดบังความจริงมาตลอด 16 ปี ระหว่างทะเลาะกับแม่ของเธอเอง มีฉากที่มีอาหยิบรีเทนเนอร์สำหรับดัดฟันขึ้นมาใส่ ซึ่งรีเทนเนอร์อันนั้นก็เป็นของนักแสดงแอนน์จริงๆ ที่เธอใช้เมื่อตอนยังเป็นเด็ก

ภาพ: PopSugar

3. แอนน์มีส่วนช่วยในการพัฒนาและเสริมสร้างบทภาพยนตร์ในหลายฉาก ยกตัวอย่างเช่นตอนที่เธอคิดว่าควรแปะแผ่นดูดสิวเสี้ยนยามอยู่บ้านเพื่อโชว์ความเป็นวัยรุ่นโก๊ะๆ หรือจะเป็นตอนที่ตัวละคร Paolo เปลี่ยนโฉมของเธอให้กลายเป็นเจ้าหญิงผู้งดงาม แอนน์เสนอว่าควรมีฉากให้เห็นว่าเขาหวีผมที่ฟูฟ่องของเธอจนหวีหัก

 

4. ในเรื่องจะมีการพูดถึงพ่อของมีอาอยู่ตลอดเวลา และจะฉายให้เห็นภาพของกษัตริย์ Phillippe Renaldi ที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นเพียงครั้งคราวเท่านั้น แต่รู้ไหมว่าทั้งรูปถ่ายและนักแสดงที่ออกมาให้เห็นเพียงเสี้ยววินั้น ในความเป็นจริงแล้วก็คือพ่อแท้ๆ ของนักแสดงแอนน์ที่เข้ามารับบทบาทเพื่อให้ภาพยนตร์สมบูรณ์แบบมากขึ้น



WATCH




5. ในงานเลี้ยงดินเนอร์ฉลองวันชาติของเจโนเวีย มีอาโผล่มาในชุดเดรสสีม่วงเสริมสร้างราศีความเป็นเจ้าหญิงได้อย่างงดงาม โดยเดรสตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Princess Victoria แห่งประเทศสวีเดนตัวจริง ที่เธอได้สวมสำหรับการไปงาน Nobel Prize gala ในปี 1997 

ภาพ: Disney

6. ในภาคที่สองของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากหนึ่งที่มีอาจัดงานปาร์ตี้ชุดนอนให้กับเด็กผู้ยากไร้ในวังหลวงของเธอ แล้วราชินีแคลรีสเองก็ให้เกียรติลงมาร่วมสนุกภายในงานพร้อมเปิดเวทีร้องเพลง Your Crowning Glory สร้างบรรยากาศ ซึ่งเพลงนี้เองก็เป็นเพลงที่นักแสดงจูลี่แต่งขึ้นมาเองแบบง่ายๆ อย่างรวดเร็วร่วมกับนักแสดงอีกหนึ่งคนในเรื่อง

 

7. ประเทศเจโนเวียนั้นมีของดีขึ้นชื่อคือผลไม้อย่างลูกแพร์ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เกิดขึ้นจากความคิดลอยๆ ของจูลี่ เมื่อผู้กำกับอย่าง Garry Kent Marshall ขอความเห็นว่าเจโนเวียควรจะขึ้นชื่อเรื่องอะไรดี ซึ่งเธอก็ตอบไปว่าก็คงจะปลูกลูกแพร์ที่มีคุณภาพ แล้วพวกแม่ชีเองก็คงจะปักลูกไม้ได้สวย และนั่นเองที่ตลอดทั้งเซ็ตจะเห็นได้ว่ามีอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งลูกแพร์และผ้าลูกไม้เต็มไปหมด

ภาพ: Insider

8. หากสังเกตให้ดีในภาพยนตร์ทั้งสองภาคจะมีตัวละครประกอบฉากอย่างคุณข้าหลวงชายคนหนึ่งปรากฏตัวตลอดเวลา และเขาคนนี้ก็โผล่มาเพื่อพูดประโยค “It happens all the time” ประโยคเดียวเท่านั้นทั้งเรื่อง ซึ่งชายคนนี้ยังไปโผล่ในภาพยนตร์เรื่อง Pretty Woman พร้อมพูดไดอะล็อกเดียวกันนี้อีกด้วย

 

9. สำหรับการถ่ายทำ The Princess Diary ทั้งสองภาคนั้น ยังได้ศิลปินระดับโลกอย่าง Whitney Houston มานั่งแท่นช่วยควบคุมการผลิตด้วย เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของ BrownHouse Productions ที่ตัวเธอเป็นเจ้าของ และเธอเองยังได้ช่วยคิดซีนเจ๋งๆ ในหลายตอนทั้งฉากที่มีอาจิ้มไอศกรีมใส่เสื้อเชียร์ลีดเดอร์สาวคนหนึ่ง ไปจนถึงการดูแลเรื่องเพลงประกอบภาพยนตร์

ข้อมูล : Insider, Shondaland

WATCH