ในช่วงปีที่ผ่านมา “Sustainability” หรือความยั่งยืนเป็นมูฟเมนต์สำคัญที่เกิดขึ้นทั้งในแวดวงแฟชั่นและความงาม ซึ่ง Chanel เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องการช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและเพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ในปี 2022 ชาเนลได้เปิดตัว N°1 de Chanel สกินแคร์เจเนอเรชั่นใหม่ที่มุ่งเน้นการปกป้องและฟื้นฟูผิวจากริ้วรอยแห่งวัยทั้ง 5 ประการด้วยคุณค่าจากสารสกัดของดอกคามิลเลียสีแดงที่อัดแน่นไปด้วยสรรพคุณช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เปรียบเสมือนผลิตภัณฑ์ “ลำดับที่หนึ่ง” สำหรับชาวมิลเลนเนียลที่เริ่มมีความกังวลเรื่องริ้วรอยและมองหาตัวช่วยที่ตอบโจทย์ในการคืนพลังและความอ่อนเยาว์กลับสู่ผิว อีกทั้งยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์ความงามถึง 3 ประเภท ได้แก่ สกินแคร์ เมกอัพ และสเปร์ยน้ำหอม 

 

 

ความงามที่หยั่งรากอย่างยั่งยืน

N°1 de Chanel เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจาก Chanel มุ่งเน้นที่การลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ผิวเปล่งประกายความอ่อนเยาว์ด้วยคุณค่าการฟื้นฟูจากสารสกัดของดอกคามิลเลียสีแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของดอกคามิลเลียจำนวนนับพันที่เติบโตในฟาร์มคามิลเลียของชาเนลที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ณ ใจกลางหมู่บ้านโกฌักค์ (Gaujacq) ซึ่งตั้งแต่ปี 1998 CHANEL Research ได้ทุ่มเทกับการศึกษาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับคามิลเลียหลากหลายสายพันธุ์จากห้องปฏิบัติการกลางแจ้งแห่งนี้ การเพาะปลูกดอกคามิลเลียใช้แนวปฏิบัติทางการเกษตรที่เคารพต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ใช้สารเคมี โดยใช้วิธีการเกษตรเชิงนิเวศและวนเกษตรเพื่อให้การเพาะปลูกเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างถาวร ซึ่งเน้นเรื่องการบำรุงดินและอนุรักษ์ระบบนิเวศระหว่างพืช ดิน และน้ำ วิธีการนี้ทําให้ฟาร์มของชาเนลได้รับการรับรอง High Environmental Value (HVE) ระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดของการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมทางการเกษตร รวมถึงตราสัญลักษณ์การเปลี่ยนสู่การเกษตรแบบออแกนิก (Organic Farming Conversion) โดยเป็นการรับรองที่การันตีว่าแนวปฏิบัติด้านการเกษตรที่ใช้ในฟาร์มทั้งหมดมีความเหมาะสมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด

 

 

 

บิวตี้รูทีนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ผลิตภัณฑ์หน้าตามินิมอลในไลน์  N°1 de Chanel  มีน้ำหนักเบาและขนาดที่พอดีกับฝ่ามือ โดยแพ็คเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในไลน์นี้ได้ออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วยการลดน้ำหนักของขวดและกระปุกลงเพื่อลดปริมาณการใช้วัสดุในการผลิตบรรจุภัณฑ์ รวมถึงเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุชีวภาพ ผลิตภัณฑ์อย่าง Revitalizing Cream เปลี่ยนเป็นรูปแบบการรีฟิลโดยสามารถใช้กระปุกเดิมนำมาเติมใหม่ได้ งดการใช้พลาสติกเซลโลเฟนห่อหุ้มกล่องเพื่อช่วยลดการสร้างขยะจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและลดการใช้หมึกพิมพ์ ซึ่งอักษร C ไขว้ได้ถูกสลักลงบนฝาผลิตภัณฑ์สีดำแมตต์แทนการใช้หมึกพิมพ์ นอกจากนี้ไม่ต้องเพ่งสายตาอ่านตัวอักษรขนาดจิ๋วบนแผ่นพับข้อมูลแบบกระดาษอีกต่อไป เพราะสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละผลิตภัณฑ์ได้บนหน้าจอโทรศัพท์ 

 

 

คงเอกลักษณ์การดูแลผิวแบบองค์รวม

หนึ่งในสิ่งที่ชาเนลให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือการพัฒนาสูตรด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงที่มาจากแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืนโดยที่ยังคงเอกลักษณ์ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์ เนื้อสัมผัส และประสิทธิภาพ ซึ่งสูตรของ N°1 de Chanel เน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถรีไซเคิลได้ โดยประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 97 เปอร์เซนต์ และส่วนผสมจากดอกคามิลเลียสีแดงสูงถึง 76 เปอร์เซนต์ ซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยพร้อมคืนพลังให้ผิวแข็งแรง โดยชาเนลได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากทุกส่วนของดอกไม้ อย่าง สารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงเข้มข้นช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ในขณะที่นํ้าจากดอกคามิลเลียมอบความรู้สึกสดชื่นแก่ผิว และออยล์จากเมล็ดของดอกคามิลเลียสีแดงช่วยเติมความชุ่มชื้น นอกจากนี้เปลือกของเมล็ดคามิลเลียยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของฝากระปุก  Revitalizing Cream ด้วย นอกจากมีส่วนผสมของดอกคามิลเลียที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่ละผลิตภัณฑ์ยังโดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสเบาสบายผิวและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่มอบความรู้สึกรื่นรมย์ขณะใช้ สอดคล้องกับแนวทางการดูแลผิวแบบองค์รวมที่ทั้งผิวและจิตใจได้รับการปรนนิบัติ

 

 สาวโว้กสามารถตามไปสัมผัสการปรนนิบัติผิวด้วยกิจวัตรความงาม N°1 de Chanel ได้ที่เคาน์เตอร์ Chanel ทุกสาขา หรือคลิ๊กที่นี่