หนึ่งในวิธีการบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อาจไม่ได้มีเพียงเเต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เรามักพบเห็นในหนังสือเรียนเท่านั้น ทว่าอีกหนึ่งเส้นทางการบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เพื่อถ่ายทอดให้เหล่าคนรุ่นหลังได้สัมผัสคงต้องพูดถึงกรรมวิธีในการผลิตสื่อ ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะ ภาพยนตร์ เพลง หรือแม้กระทั่งนิทานที่เราได้เคยฟัง ครั้งนี้เราเลยจะพาผู้อ่านทุกท่านไปส่อง 5 ภาพยนตร์เเห่งยุคที่โดดเด่นด้วยเรื่องราวของการเมืองเเละกฎหมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นโมทีฟหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อให้เหล่าคนรุ่นหลังได้สัมผัสกับเส้นทางทางประวัติศาสตร์ตั้งเเต่อดีตอย่างใกล้ชิด

 

 

1. The American President

     "The American President" ภาพยนตร์แนวโรแมนติก ดราม่าเเละคอมเมดี้ ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1995 ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับบทบาทของพระมหากษัตริย์ผู้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอย่าง “แอนดรูว์ ชีเฟ” เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลง เขาได้เดินทางไปพบกับนักธุรกิจอย่าง “ซิดนีย์ เอลลิโอต” ผู้ที่เขารู้จักกันดีในชีวิตประจำวันว่าเป็นนักบริหารของกลุ่มล็อบบี้สุดโด่งดัง โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้มีเเง่มุมต่างๆ มากมายที่ผูกโยงเข้ากับเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของสื่อที่เข้ามามีบทบาททางการเมืองเป็นอย่างมาก ตลอดจนเรื่องราวของการเลือกตั้ง นโยบายหาเสียง เเละการทุจริตทางการเมืองที่เผยให้เราได้เห็นผ่านเเต่ละตัวละคร

 

 

2. On the Basis of Sex 

     ถัดมากับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 อย่าง "On the Basis of Sex" ภาพยนตร์แนวชีวประวัติที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2018 ซึ่งได้เล่าเรื่องราวของชีวิตของนักกฎหมายสตรีผู้ถูกขนานนามว่าเป็นนักกฎหมายที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของยุคอย่าง “รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก” เรื่องราวในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตัวละครหลักอย่าง รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ได้เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่ง ณ ขณะนั้น เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้กับผู้หญิงในสายกฎหมาย ได้เข้าถึงสิทธิและเสรีภาพในสังคมมากขึ้น ทว่าด้วยภาวะสังคมชายเป็นใหญ่ที่ยังคงกดทับอยู่นั้นทำให้รูธเลือกที่จะก้าวขึ้นสู่สังเวียนเพื่อขยับเส้นมาตรฐานความเท่าเทียมทางเพศให้สูงมากขึ้น โดยเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้มีการเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องราวเเละเหตุการณ์สำคัญทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการผลักดันความเสมอภาคระหว่างเพศที่เรียกได้ว่าเป็นเเก่นหลักของเรื่อง หรือจะเป็นประเด็นของอิทธิพลเเละเเง่มุมในการใช้กฎหมายตลอดจนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมในขณะนั้น

 

 

3. Miss Sloane

     ภาพยนตร์เรื่องถัดมาซึ่งถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ในลิสต์อันดับต้นๆ ที่ใครหลายคนพูดถึงอย่าง "Miss Sloane" ภาพยนตร์แนวดราม่าและสืบสวน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการเมืองอย่างเต็มขั้น เรื่องราวในฉบับนี้เป็นเรื่องราวของนักกฎหมายผู้ชาญฉลาดอย่าง “เอลิซาเบธ สโลน” ที่ถูกจัดให้ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายการควบคุมอาวุธปืน เธอได้ผลักดันให้คนทั่วไปรวมถึงนักการเมืองตระหนักถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการพกพาอาวุธเหล่านี้อย่างอิสระ เเละเเน่นอนว่าเส้นทางของเธอนั้นไม่ได้ง่ายดายสักเท่าไร เธอต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ ความสูญเสีย เเละความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น โดยภาพยนตร์เรื่อง “Miss Sloane” นำเสนอให้คนดูได้สัมผัสถึงอิทธิพลของอาวุธในทางการเมืองตลอดจนการเข้ามามีอิทธิพลในเชิงผลประโยชน์ของเหล่าผู้ประกอบการต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจด้านการบริหารของเหล่านักการเมือง ตลอดจนเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมในสังคมนั่นเอง

 

 

4. All the President’s Men 

     ต่อมากับภาพยนตร์เรื่อง "All the President's Men" ภาพยนตร์แนวดราม่าประวัติศาสตร์ที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1976 ซึ่งเป็นเรื่องราวของนักข่าวทั้งสองคนอย่าง "คาร์ล บาร์นสไตน์" และ "บ็อบ วูดวอร์ด" จากสำนักข่าวเวชั่นที่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนเเละรายงานเกี่ยวกับการบุกรุกที่เกิดขึ้นในสำนักข่าวของคณะอิสระ ซึ่งการบุกรุกในครั้งนี้ทำให้เกิดการสูญเสียอันน่าสงสัยและยังเกิดความขัดแย้งต่อความสัมพันธ์ของการทำงานในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย โดยในภาพยนตร์เรื่อง "All the President's Men" นี้ ถ่ายทอดให้เราได้เห็นเรื่องราวของบทบาทสื่อมวลชนในการเปิดเผยความจริงของประเด็นการเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นทั้งการรายงานข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้รับรู้ ตลอดจนการหยิบเอาอิทธิพลทางการเมืองมาใช้เป็นอาวุธในการโจมตีขั้วตรงข้าม

 

 

5. Milk

     ปิดท้ายด้วยเรื่องราวของภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง “Milk” ภาพยนตร์แนวชีวประวัติที่ว่าด้วยเรื่องราวของ “ฮาร์วีย์ มิลค์” นักการเมืองชาวอเมริกันคนแรกที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ และได้เข้าร่วมรับการเลือกตั้งเพื่อดำเนินการทางการเมืองภายใต้กระเเสการต่อต้านกลุ่มคนรักร่วมเพศอย่างเข้มข้นในยุคสมัยนั้น เรื่องราวของฮาร์วีย์ ไม่ได้เป็นเพียงชีวประวัติที่ถูกเผยเเพร่ผ่านม้วนฟิล์มเท่านั้น ทว่าสิ่งที่เขาพยายามต่อสู้ตลอดช่วงชีิวิตของเขานั้นไม่ได้มีเพียงความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น ทว่ายังเป็นการต่อสู้เพื่อกลุ่มคนผิวสี คนจน คนแก่ รวมถึงคนพิการอีกด้วย ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้สอดแทรกเเง่มุมทางการเมืองไว้อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการผลักดันนโยบายทางการเมืองเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมภายในสังคม ตลอดจนเรื่องราวของจรรยาบรรณสื่อที่ต้องเผยเเพร่ความเป็นจริงสู่สายตาของสาธารณชนโดยไม่มีการเเต่งสีใดๆ เพื่อก่อความเข้าใจผิด