LIFESTYLE

กว่าจะดังทะลุปรอท ‘เจฟ ซาเตอร์’ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองในวงการบันเทิงนานเกือบ 10 ปี!

เส้นทางการเป็นศิลปินของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ใครหลายคนคิด

     ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันอุตสาหกรรมบันเทิงนั้นเริ่มเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากสมัยก่อน เนื่องจากมีแนวคิดที่เปิดรับวัฒนธรรมต่างๆ มากขึ้นเพื่อพยายามสร้างสรรค์ให้ผลงานในแวดวงนี้มีคุณภาพและเข้าถึงผู้เสพสื่อที่สุด ณ เวลานี้จึงมีนักแสดงหรือศิลปินมากหน้าหลายตาเกิดขึ้นในวงการนี้ บ้างก็ก้าวเข้ามาในเส้นทางบันเทิงมานานนมแต่กลับไม่ได้มีบทบาทเท่าไหร่นัก อาจด้วยเหตุปัจจัยบางอย่างรวมถึงการแข่งขันในวงการนี้สูงทะลุเพดาน เพราะต่างคนอยากจะปีนป่ายขึ้นมาบนจุดยอดเพื่อให้แสงสปอตไลต์ส่องถึง

     ‘เจฟ ซาเตอร์’ คืออีกบุคคลหนึ่งที่ผู้เขียนสนใจที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงสองปีให้หลัง เจฟเริ่มมีหน้าตาในสังคมบันเทิงมากล้นจนไม่มีอะไรมายั้งได้ ทั้งผลงานเพลงที่ร่วมทำกับค่าย Warner Music Thailand หรือแม้แต่ผลงานการแสดงซีรี่ส์วายยอดฮิตเรื่อง KinnPorsche The series ที่เจฟรับบทเป็นนักแสดงสมทบของเรื่องนี้ด้วย ทำให้ชนวนความดังของเขาถูกจุดขึ้นมาและยากที่จะดับมันลง หลายคนที่ผันตัวเองมาเป็นแฟนคลับเจฟในเวลานี้ถ้ายังไม่เคยรู้เบื้องลึกมาก่อนคงคิดว่าเขาเพิ่งเข้ามาในแวดวงบันเทิงไม่นาน แต่หารู้ไม่ว่ากว่าเขาจะมีชื่อเสียงทุกวันนี้เขาต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองยาวนานเกือบ 10 ปี!

 

เพลง 'โลกแตก' จาก เจฟ ซาเตอร์ ซึ่งเป็นผลงานเพลงชิ้นแรกของเขาภายใต้สังกัด Kamikaze


     ย้อนกลับไปในช่วงปี 2013 วรกมล ซาเตอร์ หรือเจฟ เริ่มเข้าสู่วงการเพลงจากการประกวดบนรายการโทรทัศน์และมีโอกาสได้ร่วมงานกับค่ายเพลงแห่งยุคอย่าง ‘Kamikaze’ จึงมีเพลงดังปล่อยออกมาอย่างเพลง ‘โลกแตก’ ที่กลายเป็นกระแสไวรัลไปช่วงหนึ่ง ทว่าเส้นทางการทำงานร่วมกับค่ายนี้ต้องสิ้นสุดลงไปในเวลาอันรวดเร็วเมื่อกามิกาเซ่ตัดสินใจประกาศปิดตัวลง จึงทำให้เจฟเป็นศิลปินรุ่นสุดท้ายของค่ายนี้ ทว่าสังกัด RS ยังคงป้อนงานให้เจฟอย่างต่อเนื่องด้วยการโยกเขาไปอยู่ในค่าย The Demo แทน และทำผลงานเพลง ‘คิดถึงเธอแทบจะตายแล้ว (Miss You Like Crazy)’ และ ‘ไม่กล้าบอกชัด (Afraid to say)’ ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้น ผู้คนรู้จักเพลงดังกล่าวกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ต้องยอมรับว่าแฟนๆ รู้จักเพลงก็จริง ทว่ากลับไม่รู้จักตัวศิลปินเท่าที่ควร...

 



WATCH




jeff satur

ภาพ: Thai PR.Net

     แน่นอนว่าเมื่อเพลงดังแต่ค่ายเพลงอาจไม่ได้โปรโมตศิลปินให้เป็นที่รู้จักมากพอ ตลอดระยะเวลาในช่วงนั้นเจฟพยายามผลักดันตัวเองโดยการโยกย้ายไปทำเพลงตามสังกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Garden Music, Grand Musik จากสังกัด GMM Grammy, Passengers Records และมาถึงต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง Wayfer Records ภายใต้การดูแลของ Warner Music Thailand ซึ่งหากพูดกันตามตรงว่าเขามาดังเปรี้ยงเป็นพลุแตกจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะเวลาที่ผ่านมาในวงการบันเทิงการเปลี่ยนแปลงของเขาที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือการเลือกแนวเพลงให้เหมาะสมกับตัวเองและเข้ากับยุคสมัยมากที่สุดอย่างเช่นเพลง ‘ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade)’,  ‘แค่เธอ (Why Don't You Stay) จากเพลงประกอบซีรี่ส์วายเรื่อง KinnPorsche The Series’ และ ‘วันนี้คือพรุ่งนี้ของเมื่อวาน (Loop)’ เป็นต้น ทั้งนี้เจฟได้พัฒนาภาพลักษณ์ สไตล์ หรือแม้แต่การแต่งตัวและแฟชั่นอันจัดจ้านเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้เต็มที่แบบไม่มีใครมาตีกรอบไว้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เจฟเริ่มสร้างภาพจำให้กับเหล่าแฟนๆ ก็เป็นได้

 

jeff satur

ภาพ: VOI

     จากวันนั้นจนถึงวันนี้หลายคนอาจคิดว่าเป็นหนทางที่ไม่ยาวนานเท่าไหร่สำหรับการที่ศิลปินคนหนึ่งจะอวดความสามารถให้เข้าไปฝังลึกในใจของทุกคน เพราะมีศิลปินหรือนักแสดงหลายคนที่อาจใช้จำนวนปีมากกว่านี้ในการพิสูจน์ตัวเอง แต่กว่าจะผ่านพ้นไปแต่ละวัน เดือน หรือปี ความคาดหวังของคนๆ หนึ่งกว่าจะนำมาซึ่งความสำเร็จต้องแลกมาด้วยความพยายามและการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และที่สำคัญเจฟไม่เคยลืมกำลังใจในชีวิตอย่าง ‘แฟนคลับ’ ที่คอยสนับสนุนและเป็นแรงผลักดันให้เขาได้ยืนอยู่ในจุดที่แสงสปอตไลต์สาดส่องถึงเสียที ต่อจากนี้ชื่อของ ‘เจฟ ซาเตอร์’ จะถูกจดจำและเป็นที่รู้จักในฐานะการเป็นศิลปินในแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิงเป็นวงกว้าง และจะสร้างผลงานเพลงและสร้างสรรค์งานแสดงให้โดดเด่นไม่แพ้กันอย่างแน่นอน

ภาพ : The Concert, Youtube
ข้อมูล : Wikipedia, Youtube

WATCH

คีย์เวิร์ด: #JeffSatur